ทรมานบรรเทิง: ว่าด้วยสภาพจิตใจระหว่างวิ่งมาราธอน
นกบิน ปลาว่าย คนวิ่ง การวิ่งมันคือสัญชาตญาณของมนุษย์ เราไม่รู้ว่ามนุษย์ถูกสร้างมาให้วิ่งได้มากกว่า 42 โลเมตรหรือไม่แต่การต่อสู้ระหว่างคำถามและการหาคำตอบมักจะโผล่มาที่กิโลเมตรที่ 15 และ 21 เสมอ (กล่าวโดย Emil Zatopek นักวิ่งระยะยาวชาวเช็กและเหรียญทองโอลิมปิก)
การวิ่งมาราธอนไม่ใช้เรื่องที่ใครๆ จะทำได้ ถึงแม้แต่ละคนจะมีการเตรียมตัวมาพร้อมแค่ไหนก็ตาม ก็ต้องผ่านช่วงเวลาแห่งการทดสอบจิตใจบนสนามมาราธอนด้วยกันทั้งนั้น
เรามาดูกันว่าสภาพจิตใจในแต่ละช่วงที่เราจะต้องเจอมีอะไรบ้าง
- ม้าดีด (0-5K)
ช่วงแห่งความรู้สึกสนุก ตื้นเต้น คุณเห็นผู้คนเต็มไปหมด เลือดสูบฉีดสารอะดรินาลีนหลั่งเต็มที่ นี้มันปาร์ตี้ร็อคคอนเสิร์ตไม่มีผิดแน่นอน
พนันได้เลยว่านักวิ่งหน้าใหม่จะต้องใส่สุดเกียร์ แนะนำว่าในช่วงนี้ห้ามใช้พลังงานเต็มร้อยเด็ดขาด อย่าลืมว่าเราต้องวิ่งอีก 40 กว่ากิโลถึงจะจบการแข่งขัน พยายามรักษาพลังงานไว้ก่อน อดทนไว้แล้ววิ่งช้าๆ ไปก่อน ถ้ามี HR monitor ลองเซตไว้ที่ 75-80% ของ MaxHR
- หนูทำได้ (5-15K)
ช่วงเวลาที่ร่างกายเริ่มเดินเครื่องเต็มที่ เหนื่อยแต่สนุก คุณรู้สึกได้ถึงพลังงานนตัวคุณ สิ่งที่ผึกฝนมาทั้งหมดมันได้ผล หลายๆ คนเริ่มจะเซต pace ที่เหมาะสมกับตัวเองในระยะนี้ แต่ระวังไว้ อย่าปลอดให้ร่างกายเราเดินเครื่องเต็มร้อย หนทางยังอีกยาวไกล ใจเย็นๆ ควบไปข้างหน้าอย่างมีสติ
- เสียงเพรียกหาที่คุ้นเคย (15-21K)
จังหวะนี้เราเริ่มมองหน้าเพื่อนสนิทบ่อยขึ้น (หน้าจอแอพหรือนาฬิกา GPS) อาการเมื่อยล้าเริ่มถามหา เมื่อผ่านจุดรับน้ำอาจจะนึกได้ว่า ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งนะ อยากจะวิ่งให้มันจบๆ ซะดี นักวิ่งหน้าใหม่หลายๆ คนอาจจะหมดก๊อกตรงนี้
จังวหะนี้อาจมีการผ่อนแรง วิ่งช้าลงแบบไม่รู้ตัวบ้างแต่อย่างเพิ่งตกใจ พยายามวิ่งในแบบรักษาพลังงานไปอีกจนกว่าจะเจอจุดพักน้ำ ถ้ามี gel หรือ energy barแนะนำให้กินเติมพลังซะตอนนี้เลย
- ประสาทหลอน (21-30K)
การต่อสู้ระหว่างรายกายและจิตใจเริ่มขึ้น การตั้งคำถามทำไรเราจึงวิ่ง วิ่งเพื่ออะไร รู้สึกโดดเดี่ยวขณะที่มีเพื่อนนักวิ่งรอบข้าง ทำไมเราถึงวิ่งไมม่ได้อย่างเค้าๆ บาง คำถามจะเริ่มทยอยออกมาในหัวทุกๆ ฝีก้าวที่วิ่งไป
วิธีที่ดีที่สุดคือหยุดคิด พยายามเคลียร์หัวให้โล่ง พกอะไรมากินให้รีบกินซะ เปิดเพลงกระตุ้นพลังใจได้ยิ่งดี หรือพยายามนึกถึงนักวิ่งมาราธอน นักกีฬาผู้สร้างแรงบันดาลใจ ทำไมพวกเค้าจึงไม่ยอมแพ้
- ตายแน่แท้ (30-35K)
ขอแสดงความยินดีด้วย เรามาถึงช่วงเวลาที่เรียกว่า Hit the wall ทุกอย่างที่มีพลังกายพลังใจหมดจริงๆ ในสมองมีการบนด่าโทษตัวเอง ทำไม ทำไมและทำไม พลังด้านลบท่วมท้น
จังหวะนี้ถ้าไม่ไหวแน่นะให้เดินครับ พักดื่มน้ำและเติมพลังงานเพิ่ม พยายามจิตนาการภาพวินาทีที่เราเข้าเส้นชัยไว้ครับ คิดถึงบ่อยๆ ให้พลังงานด้านบวกออกมา จะออกตัวด้วยวิธีเดินหรือวิ่งก็ได้ต้องค่อยๆ ไป ทีละก้าว อย่าลืมฟังเสียงจากกองเชียร์ข้างสนามนะครับ พลังใจไหลมาท่วมท้นทีเดียว
- ดอกไม้เริ่มเบ่งบาน (35-42K)
เส้นชัยอยู่ใกล้แค่เอื้อม ช่วงเวลานี้เอาจจะมีมวลสารพลังงานบางอย่างผลักดันให้เราพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้น เสียงเชียร์เริ่มดัง แรงก็ยิ่งมากขึ้นตามลำดับ เป็นช่วงที่เราถูกผลักจากด้านลบมาสู่ด้านบวก ถ้ายังมีพลังเหลือใส่ให้เต็มทีเลย รับเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อเติมพลังงานก๊อกสุดท้าย
- เกิดใหม่ (เส้นชัย)
ต้องเรียกว่าวินาทีที่เข้าเส้นชัย อารมณ์ทั้งดีใจ เสียใจ ความภาคภูมิใจ ประการณ์ระหว่างวิ่งผสมอาการเจ็บและเหนื่อยล้าถาโถมมาพร้อมๆ กัน เป็นช่วงเวลาที่ต้องดื่มด่ำกับเสียงปรมมือ และเราพูดว่าจะไม่วิ่งมาราธอนอีกแล้วแน่นอน
ช่วงหลังเข้าเส้นชัยพยายามหาที่พัก รับเครื่องดื่มที่มีสารอิเล็กโตรไลท์ได้ยิ่งดี อย่าลืมน้ำและข้าวที่ผู้จัดเตรียมไว้ด้วยนะครับ หลังจากนั่งสงบสติกินข้าวเสร็จไปสักพักเราก็จะเริ่มคิด เราทำได้ เราผ่านมาได้ สนามมาราธอนต่อไปที่ไหนดีนะ ต้องฝึกเพิ่มละ นี้ละครับสิ่งที่เกิดขึ้นมาในตัวคุณ เราสามารถทำอะไรก็ได้ เราทำได้แน่ๆ นี้คือสิ่งที่เกิดใหม่ในตัวคุณ
โบนัทเเถมท้ายเป็นการ์ตูนจากยูทูปครับสนุกดีอาจจะคล้ายกัน คุ้มค่าที่จะดูครับ