แน่นอนว่าการวิ่งเทรลจะมีความสนุกสนานกว่าการวิ่งทางเรียบ การวิ่งเทรลทำให้กล้ามเนื้อร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ตั้งแต่กล้ามเนื้อฝ่าเท้า ช่วงล่างจนมาถึงกล้ามเนื้อ core เพราะต้องเผชิญความหลากหลายของพื้นผิวทางวิ่งเทรล ไม่ว่าจะเป็นทางขรุขระ ทางลูกรัง สนามหญ้าและทางชัน ทำให้กล้ามเนื้อมีการใช้งานที่หลากหลายและมี workload มากกว่าทางเรียบ แต่การวิ่งเทรลอย่างเดียวจะทำให้นักวิ่งหยุดอยู่ในสภาวะเดิมๆ เพื่อที่จะพัฒนาให้กลายเป็นนักวิ่งที่วิ่งเร็วขึ้น ป้องกันอาการบาดเจ็บ และเป็นนักวิ่งที่รับมือสนามแข่งได้ทุกรูปแบบ นักวิ่งเทรลจึงควรฝึกวิ่งและลงแข่งขันบนทางเรียบบ้าง
ประโยชน์ของการวิ่งทางเรียบจะทำให้นักวิ่งเทรลได้ประโยชน์อะไรบ้าง
1. ได้ฝึกสปีดเพิ่มความเร็ว เพราะทางเรียบจะทำให้นักวิ่งควบคุมความเร็วได้ดี นักวิ่งสามารถค่อยๆ เพิ่มความเร็ว ปรับจังหวะ pace ให้เร็วขึ้นได้ต่อเนื่อง นักวิ่งได้มีสมาธิในการจับและจดจำรอบขา ควบคุมความเร็วและ pace ชองตัวเองได้ดีกว่าการวิ่งเทรล ให้ร่างกายและกล้ามเนื้อได้จดจำรอบชาและความเร็ว ดังนั้นเมื่อกลับไปสู่สนามเทรล ร่างกายจะจดจำการใช้ความเร็วและแรงที่ต้องออกในการวิ่ง แม้จะไม่เร็วเหมือนวิ่งทางเรียบแต่รับรองว่าเราจะวิ่งเร็วขึ้นบนทางเทรลแน่นอน
2. ลดอาการบาดเจ็บ หลังจากเราลงสนามเทรลหลายๆ ครั้งเข้า กล้ามเนื้อแทบทุกส่วนจะเริ่มมีอาการเมื่อยล้า การวิ่งบนทางเรียบจะทำให้กล้ามเนื้อได้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ลดการใช้กล้ามเนื้อลง ให้กล้ามเนื้อชุดอื่นๆ ได้ใช้งานบ้าง
3. ได้ฝึก Endurance ในรูปแบบที่เป็นระบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวิ่ง long run Interval หรือ Fartlek เราจะมีสมาธิในการฝึกเพราะไม่ต้องกังวลต่อสนามพื้นผิวที่ใช้วิ่ง การฝึกในแต่ละครั้งเราจะสามารถควบคุมสภาพแวดล้อม อย่างเช่น ระยะทาง เวลา Heart rate และ pace ให้เข้ากับจุดประสงค์ในการฝึก
4. ได้ฝึกความอดทนของจิตใจ ถ้าเปรียบเทียบระยะทางวิ่งที่เท่ากัน การวิ่งเทรลจะสนุกและไม่น่าเบื่อเพราะภาพบรรยากาศจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ (วิ่งชมนกชมไม้) แต่การวิ่งทางเรียบ จะน่าเบื่อที่สุด ถ้าถนนทางวิ่งไม่สวย เราต้องทรมานกับระยะทางที่เหลือไปอีกนาน ดังนั้นการฝึกวิ่งทางเรียบจะช่วยขัดเกลาสภาวะจิตใจให้แข็งแกร่งขึ้น ให้มีความอดทน ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป โฟกัสไปที่เป้าหมายและมีสมาธิในการควบคุมจิตใจ รวมไปถึงการจัดระเบียบร่างกายด้วยนะ