รู้หรือไหม ฮิปโปเครติส (Hippocrates) ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้ให้กำเนิดวิชาแพทย์” หรือ “บิดาแห่งการแพทย์ตะวันตก” กล่าวว่า การเดินคือยาที่วิเศษสุด (Walking is a man’s best medicine) และถ้าผสมการเดิน การนอนพักผ่อนที่เพียงพอและการเลือกรับอาหาร เราจะสามารถหลีกเลี่ยงการพบหมอได้ยาวเลยละ ที่สำคัญ ถ้าเราหมั่นเดินวันละ 15-30 นาที ร่างกายจะได้ประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งสุขภาพและรูปร่าง
เดินก็มีดีนะ! 10 ประโยชน์ของการขยับร่างกายด้วยการเดิน
1. สมองทำงานได้ดีขึ้น การเดินจะช่วยสร้างภูมิให้สมองมีฟังค์ชั่นการทำงานที่ดีขึ้น ช่วยลดการเกิดสภาวะสองเสื่อม อัลไซเมอร์ และช่วยพัฒนาให้คุณภาพอารมณ์ดีขึ้นด้วย การเดินชมนกชมไม้ช่วงหลังทำงานให้ผลดีทั้งในการลดความเครียดและเป็นการออกกำลังกายเบาๆ ให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวเผาผลาญไขมัน
2. เพิ่มการมองเห็นให้ดีขึ้น แม้จะดูเหมือนว่าขาที่ใช้เดินการตาจะเป็นเรื่องที่ดูห่างกันมาก แต่การเดินจะช่วยให้ประโยชน์กับตาได้เช่นกัน คือ ช่วยลดอาการเกิดต้อหินเพราะการเดินจะช่วยลดแรงดันตาลง

3. ลดการเกิดโรคหัวใจ การเดินช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจพอๆ กับการวิ่งเลยทีเดียว เพราะการเดินจะช่วยลดความดันโลหิต มีการเผาผลาญไขมันและให้เลือดได้ไหลเวียนดีขึ้น
4. ปอดขยายใหญ่ขึ้น เพราะการเดินก็เป็นการออกกำลังกายเบาๆ แบบ Aerobic เช่นกัน การเดินจะช่วยให้ปริมาณออกซิเจนเพิ่มในกระแสเลือดมากขึ้น ช่วยฝึกให้ปอดดึงออกซิเจนเข้าร่างกายมากขึ้น เราจะมีการหายใจที่ลึกและมีจังหวะมากขึ้น อาการป่วยที่เกี่ยวกับระบบหายใจก็จะค่อยๆ บรรเทาลง ขณะเดียวกันการไหลเวียนเลือดในร่างกายจะช่วยนำพาสารอาหารไปเลี้ยงและของเสียออกจากเซลล์มากขึ้น

5. ตับอ่อนได้ประโยชน์ การเดินช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้เช่นกัน เพราะจากการวิจัย คนที่เดินมากเป็นประจำ จะมีความต้านทานต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคสได้สูง ( glucose tolerance) หมายความว่ามีความทนทานต่อน้ำตาลที่กินเข้าไป ตับอ่อนมีการหลั่ง insulin เพียงพอที่จะลดระดับกลูโคสในเลือดลงจนเป็นปกติได้ดี

6. ย่อยอาหารได้ดีขึ้น การเดิน 30 นาทีต่อวันและทุกวันจะช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งในลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูกและการเคลื่อนไหวลำไส้ให้ดีขึ้น

7. โทนร่างกายให้ดูลีนขึ้น ยิ่งเดินมากขึ้นร่างกายก็ยิ่งเผาผลาญพลังงานหรือไขมันเยอะขึ้น ร่างกายจะดูสมส่วนและน้ำหนักลดลง การเดินที่นิยมทำกันคือ เดินให้ครบ 10,000 ก้าวต่อวัน ซึ่งจำนวนก้าวก็พอๆ กับการวิ่ง 10 กิโลเมตรเลย ยิ่งถ้าเพิ่มความชันหรือเดินขึ้นบันได ก็จะช่วยเผาผลาญได้มากขึ้น
8. เพิ่มมวลกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรงขึ้น การเดินวันละประมาณ 30 นาทีต่อวันจะช่วยให้ร่างกาย ข้อต่อและต่อเข่าต่างๆ เคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้น ลดอาการกล้ามเนื้อแข็งตัวไม่มีความยืดหยุ่นและลดการสูญเสียมวลกระดูกลง

9. ช่วยลดอาการปวดหลัง สำหรับคนที่มีอาการปวดหลังจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบ Low-impact จึงไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือปวดกล้ามเนื้อตามมา ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการเข้าไปเลี้ยงแนวกระดูกสันหลัง และช่วยปรับท่ายืนให้ตัวตรงมากขึ้น
10. ช่วยให้มีสมาธิและจิตแจ่มใสมากขึ้น เพราะการเดินจะช่วยลดอาการความเครียดลง การเดินช่วงเช้ารับน้ำค้างและอากาศบริสุทธิ์เป็นต้น การเดินช่วยปรับเปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวให้เราสามารถเสพสิ่งใหม่ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ปรับเปลี่ยนวิวไม่ให้จำเจ ช่วยให้เราสามารถหลีกหนีกับสภาวะกดดันจากการทำงานและผ่อนคลายขณะได้ออกกำลังกายเบาๆ ไปในตัว
ข้อดีอื่นๆ สำหรับการเดินก็จะเป็นการช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้พร้อมสำหรับการออกวิ่งระยะต่างๆ คนที่ไม่เคยออกกำลังกายจะไม่มีมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงหรือมีน้อย การเดินจะช่วยสร้างความพร้อมให้ร่างกายที่จะรองรับ workload ในอนาคตต่อไป การเดินสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ยิ่งขยับก็ยิ่งดีครับ
อ้างอิง brightside.me