การควบคุมลมหายใจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราวิ่งได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้เราสามารถควบคุมจังหวะการวิ่ง สำหรับนักวิ่งมือใหม่ บ่อยครั้งที่ขาไปเร็วกว่าการหายใจ การทำงานของปอดไม่สามารถลำเลียงอากาศไปเลี้ยงร่างกายได้ทัน (หรือทำให้เราหายใจไม่ทัน) ไม่มีแรงวิ่ง วิ่งติดๆ ขัดๆ ปรับความเร็วขึ้นไม่ได้และวิ่งได้ไม่นาน
ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับการหายใจระหว่างวิ่ง…เรามาปูพื้นฐานกันก่อนครับ เพราะเมื่อเราออกกำลังกาย กล้ามเนื้อต้องการออกซิเจนเพื่อผลิตพลังงาน วิธีลำเลียงออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อก็ด้วยวิธีการหายใจ จากปอดเข้าสู่เส้นเลือดและหัวใจก็ปั๊มนำไปเลี้ยงกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย
ทีนี้การหายใจแบบธรรมดาที่เราทำกันเคยชินไม่ได้มีความสามารถนำออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงในปอดมากนัก ยังไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนในปริมาณที่มากเข้าสู่ปอด เรียกว่าเรายังหายใจแบบตื้นๆ กันอยู่ หรือเรียกว่า Shallow breath เป็นการหายใจที่ยังใช้กล้ามเนื้อของกระดูกซี่โครง ซึ่งขยายปอดได้น้อย ผลนั้นคือดึงออกซิเจนเข้าปอดได้น้อย เวลาเราวิ่งนานและเร็วขึ้น กล้ามเนื้อต้องการออกวิเจนและปริมาณที่ปอดได้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ร่างกายเริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัด ไม่สามารถไปต่อได้
การหายใจที่มีคุณภาพคือการหายใจที่ใช้กล้ามเนื้อกระบังลม หรือการหายใจลึก (Deep breath)เหมือนกับการฝึกเก็บลมของนักร้องเพลงละครับ ในหนึ่งการหายใจ ปริมาณที่ได้จะมากกว่าการหายใจธรรมดา นอกจากนี้ประโยชน์การหายใจลึกยังให้ประโยชน์ในการควบคุมสมาธิ ลดอาการตกใจตื่นเต้น และลดความเครียด
วิธีการฝึกหายใจลึก อย่างเช่น เอาฝ่ายมือวางลงบนหน้าท้อง หายใจเข้า-ออก 5 วินาที
การวิ่งไม่ใช้แค่การใช้ขาอย่างเดียว…การวิ่งจำเป็นต้องใช้งานร่างกายช่วงบนด้วยเช่นกัน นักวิ่งต้องรักษาท่าของเราให้ดีหรือที่เราว่ารักษา Posture ให้ลำตัวตั้งตรง ให้ลำคอเป็นเส้นตรง การลำเลียงจะเข้าออกได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันไหล่ต้องฝ่ายออก ไม่วิ่งห้อไหล่ เพราะจะไปกดบีบลดพื้นที่ของปอดลง และที่สำคัญอย่าลืมให้ปากช่วยในการหายใจด้วยนะครับ
เรามาดูเทคนิคการหายใจแบบนักก้าวที่นำเสนอให้นักวิ่งกัน
- หายใจเข้า นับในใจ 1-2-3-4 หรือ A-B-C-D
- หายใจออก นับในใจ 1-2-3 หรือ A-B-C
ลองฝึกไปสักพักจะสังเกตว่าจังหวะจะสัมพันธ์กับจังหวะการก้าวขาของเรา เท่าที่สังเกตจะเป็นการก้าวขา 3-4 สเตป ต่อการหายใจเข้าหรือออก
สำหรับใครที่ยังไม่สามารถหายใจได้ทันตามสเตปก้าวของตัวเอง ก้ให้ลองลดความเร็วลงมาก่อน ฝึกหายใจให้สัมพันธ์กับการก้าวเท้าแล้วค่อยๆ เพื่อความเร็วขึ้นไป