สำหรับใครที่ไม่เคย”วิ่ง” มาก่อนคงมีความคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดในการเป็นนักวิ่งคือ สภาพความฟิตของร่างกายหรือ physical challenge แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่สำคัญที่ทำให้นักวิ่งอย่างเราๆ ออกสนามได้ทุกวันมันเกี่ยวข้องกับสภาพจิตใจและความคิดซะมากกว่า (mental & mind set) อย่างเช่น การมีแรงบันดาลใจ เป้าหมายและความตั้งใจ เป็นแรงผลักดัน
การจะชักชวนใครสักคนอย่างเพื่อนซี้เพื่อนสนิท หรือเพื่อนที่ทำงานมาเป็นนักวิ่งนั้นยากแน่นอน ยิ่งคนที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน ยิ่งยากแล้วใหญ่ ผุ้เขียนขออนุญาตเรียกคนกลุ่มนี้ว่า exercise virgin ละกันครับ

หนึ่งในการชักชวนและสร้างแรงบันดาลใจให้พวก exercise virgin อย่างเขาออกมาวิ่งนั้นอย่างแรกต้องเริ่มที่ตัวเราเป็นหลัก เราต้องเป็นแบบอย่าง เพราะเขาจะสามารถเปรียบเทียบสภาพก่อนหลังได้ชัดเจน ยิ่งการเห็นบุคคลใกล้ตัวเขาเปลี่ยนแปลง ทั้งทางรูปร่างและจิตใจ จะมี impact ในการสร้างแรงบันดาลใจมากๆ
การเป็น Role Model ให้เพื่อนๆ นั้นต้องใช้เวลาพอสมควร ลองนึกย้อนกลับไปสมัยที่เราเริ่มหัดวิ่ง จาก 5k, 10k, half และ Full marathon ดูครับ ดังนั้นก่อนจะชักชวนเพื่อนเราต้องทำให้ได้ซะก่อน และมีทิปต่อไปนี้พอจะช่วยหลอกล่อให้หลงรักการวิ่งและสร้างบันดาลใจให้พวกเขา
1. พาไป Shopping
เชื่อว่าการพาไปร้านขายอุปกรณ์วิ่ง หรือแผนกกีฬาในห้างสรรพสินค้าพอจะช่วยสร้างอุปทานหมู่ได้ระดับหนึ่ง สำหรับคุณผู้ชายการพาได้ดูรองเท้าวิ่งสุดเท่ห์และเหล่า accessories ก็มากพอแล้ว

แต่ถ้าเป็นคุณผู้หญิงต้องลงลึกถึงเครื่องแต่งกายเลยละ ทั้ง sport bra และ legging เลือกเอาที่สีสรรสะดุดตา ให้แล้วต้องเอาให้พูดได้ว่า…แรงส์งะเธอ เพราะการมีอุปกรณ์ที่ตัวเองใส่แล้วรู้สึกว่าเท่ห์ สวย มีคนชม จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ภาษาอังกฤษเรียกว่า boost morality แถมท้ายอีกนิดเอาที่ราคาแพงหน่อยนะครับ เวลาเขาไม่ออกกำลังกาย ตั้งทิ้งไว้จะได้มีความรู้สึกเสียดาย

2. ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
การฝึกเริ่มแรกต้องเริ่มจากการวิ่งช้าๆ สลับเดินเหมือนสมัยเราที่เริ่มวิ่งแรกๆ และค่อยๆ เพิ่มเวลาวิ่งลดเวลาเดินลงจนเค้าสามารถวิ่งได้จบหนึ่ง session การดึงเอาแผนการซ้อมสมัยที่เราเริ่มวิ่งมาใช้ก็ถือเป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน จัดแจงเวลาวิ่งให้ชัดเจนก็สำคัญ ไม่ว่าจะช่วงเช้าหรือหลังเลิกงาน พยายามเลือกเวลาวิ่งให้ใกล้เคียงหรือพร้อมกัน เพื่อป้องกันการยกข้ออ้างแก้ตัว..ไม่ว่างไม่มีเวลาวิ่ง

เรื่องสนามวิ่งต้องเลือกที่เราชำนาญเส้นทาง อาจจะมีคนวิ่งอยู่ก็ได้แต่อย่ามาก ไม่เอาแบบพลุกพล่านมาก เขาจะได้เห็นประเภทคนวิ่งหลากหลายขึ้นและเป็นการสร้างแรงบันดาลใจด้วย เอาแบบมีหนุ่มๆ ล้ำๆ สาวๆ สวยๆ วิ่งไปมานะ
3. Shot Share Social
เพื่อเสริมสร้างพลังใจและเฝ้าดูพัฒนาการ การถ่ายรูปและโพสแชร์บนหน้าเฟสตัวเองถึงเป็นทางเลือกที่นิยม เพราะ เป็นการสร้างเรื่องราวให้กับตัวเอง เราสามารถติดตามพัฒนาการได้อย่างต่อเนื่อง เป็นเหมือนบังคับตัวเองอย่างหนึ่ง โพสก็เหมือนประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ว่าจะทำอะไร ถ้าทำไมได้ อายเขาแย่เลย เสริมสร้างกำลังใจ ในคอมเมนต์อาจจะมีคนทับถมว่าทำไม่ได้แต่ก็จะมีกลุ่มคนที่สนับสนันให้กำลังใจ ให้เทคนิคและข้อคิดการฝึก ไม่แน่นะคนเหล่านั้นก็อาจจะเป็นเหมือนคุณในอดีตก็ได้

ปัจจุบันมีแอพลิเคชั่นช่วยวิ่งที่น่าสนใจตัวอย่างเช่น Runtastic, Endomondo และ Strava ที่สามารถเก็บบันทึกประวัติการวิ่งของเราไม่ว่าจะเป็น ระยะทาง ความเร็ว จำนวนแคลอรี่ที่ใช้ไป ข้อมูลที่ได้สามารถจับต้องได้ นำมาเปรียบเทียบดูการวิ่งก่อนและหลังเพื่อนำมาพัฒนาตัวเองให้วิ่งเร็วขึ้น นานขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อย่างการวัดอัตราเต้นหัวใจ ที่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง Heart rate monitor เพื่อการควบคุมการวิ่งให้มีประสิทธิภาพ ไม่ overtraining หรือเพื่อจะนำมาฝึกขั้นต่อไป อย่าง การฝึก interval

ถ้าเพื่อนคุณมีความตั้งใจสูงก็แนะนำให้เลือกซื้อ Sport gadget มากกว่าที่จะใช้แค่แอพบนมือถือ เพราะจะทำให้เราเคลื่อนตัวได้คล่องตัวมากขึ้น รองรับการฝึกที่หนักได้ดี ทนมือทนเท้าดีกว่ามือถือ เมื่อพัฒนาไปถึงขั้นสูงเจ้า Sport gadget จะสามารถรองรับได้ดีกว่าแอพมือถือครับ
5. ออกงานเเข่ง
การออกงานแข่งทุกครั้งให้เลี่ยนมุมมองว่ามันคือการ Reward มากกว่าการแข่งขัน เราทนฝึกซ่อมมาเป้นเดือนก็เพื่องานนี้ จงสนุกให้เต็มที่ และอย่าลืมการเลี้ยงฉลองหลังจบงานวิ่ง และแชร์ประสบการณ์ จะได้ช่วยให้เพื่อนๆ คุณมีกำลังใจที่จะวิ่งต่อไป แต่เชื่อเถอะครับถ้าเค้าเสพติดการวิ่ง…เลิกยากครับ
