นักวิ่งมีช่วงเวลาฝึกที่แตกต่างกัน ที่นิยมเห็นกันมากที่สุดจะเป็นการซ้อมวิ่งตอนเช้า รองลงมาก็ตอนเย็น หรือบางก็มีออกวิ่งช่วง 3-4 ทุ่ม ไปจนข้ามเที่ยงคืนก็มี แต่ทำไมช่วงเวลาที่นิยมออกฝึกซ้อมมากที่สุดมักจะเป็นช่วงเช้า….เรามาดูกัน
1. อากาศดี อุณหภูมิเย็นสบาย…อย่างรู้กันกันว่าตอนเช้าอากาศจะดีที่สุด มีมลพิษน้อย รถสัญจรไปมายังน้อย วิ่งไปสบายปอดมาก แถมอุณหภูมิก็ยังไม่ร้อน ถนนวิ่งก็ยังไม่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน แสงแดดตอนเช้าช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรงและควบคุมแคลเซียม
2. ช่วยให้การบริหารเวลาในแต่ละวันง่ายขึ้นเยอะ การออกกำลังกายในช่วงเช้าแม้จะมีเวลาจำกัด แต่จะช่วยสร้างตารางการทำงานและการใช้ชีวิตให้สบายมากขึ้นเพราะเมื่อเราออกกำลังกายเสร็จในตอนเช้าแล้ว เราจะมีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นได้เต็มที่ ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังว่าตอนเย็นจะต้องติดงาน ติดธุระแล้วไปออกกำลังกายไม่ได้ แม้ว่าการออกกำลังกายในช่วงเย็นจะให้เวลามากกว่า แต่บ่อยครั้งที่เรามักจะติดงาน ติดธุระยาวไปจนตกเย็น คนทำงานในเมืองมักจะต้องทำงานล่วงเวลาและต้องติดประชุมยาวไปจนดึก ไหนจะต้องกังวลเรื่องกินข้าวรองท้องและต้องเดินทางไปให้ทันเวลา ดังนั้นทำทุกอย่างให้จบ (ออกกำลังกาย) แล้วไปลุยงานอื่นให้เต็มที่
3. วิวดี อารมณ์ดี ความก็เครียดลดลง เพราะตื่นเช้าไม่ต้องไปแย่งขึ้นรถ ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใคร วิ่งดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้บรรยากาศโรแมนติกมาก สำหรับนักวิ่งคนไหนที่มีโอกาสวิ่งจังหวัดบ่อยๆ เวลาได้วิ่งตอนเช้าก็แทบจะไม่อยากกลับมาวิ่งในเมืองเลยก็ว่าได้
4. วิ่งเช้าที่เดียวตื่นทั้งวัน เพราะการวิ่งจะกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึ่มให้ทำงานเต็มที่ มื้อเช้าคุณจะเจริญอาหารมาก และพลังงานที่ได้ร่างกายจะใช้ในการเบริ์นตลอดวัน กลายเป็นคน Active ขึ้นมาทีเดียวเลย เช้าสายบ่ายเย็นไม่มีอาการง่วงนอนเลย แต่ถ้าวันไหนจะฝึกหนักก็ควรเลี่ยงวันทำงาน เพราะช่วงหลังการออกกำลังกายร่างกายจะล้าเอา
5. เป็นช่วงเวลาเหมาะกับการฝึกมากเพราะเราจะอยู่ในสภาพเงียบสงบ เราสามารถวัดฟังเสียงของร่างกาย เสียงการหายใจ การเต้นของหัวใจจนถึงเสียงการลงเท้าได้ชัดเจน ถนนวิ่งก็โล่ง มีสมาธิฝึกได้มากกว่าช่วงเย็นที่เต็มไปด้วยผู้คน