ปัญหาโลกแตกของนักวิ่งคือ วิ่งมานานแล้วก็ยังไม่ผอมลงสักที ถ้าเพื่อนๆ นักวิ่งยังติดอยู่กับปัญหานี้ เรามี 7 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เพื่อนนักวิ่งสามารถควบคุมน้ำหนักร่างกายได้ดียิ่งขึ้นมากฝากกัน
7 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้ผอมเพรียวและสุขภาพดี
- ติดตราชั่งไว้ที่บ้าน
เตือนสติตัวเองและสร้างแรงจูงใจอย่างมีระเบียบวินัยด้วยเครื่องชั่งน้ำหนัก ถ้าดูผลการสำรวจของชาวอเมริกันวัยกลางคนจะพบว่า น้ำหนักพวกเขาเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1 กิโลกรัม และสำหรับคนที่เป็นนักวิ่งถือว่าข่าวดีนิดหนึ่งนั้นคือ 10 ปีเพิ่มขึ้น 1.5 กิโลกรัม การมีตราชั่งติดบ้านไว้ก็เพื่อเอาไว้เป็นเกณฑ์ Reference การพัฒนาการและเตือนตัวเองให้มีวินัย ระวังเรื่องอาหารการกิน และน้ำหนักที่แสดงบนตราชั่งก็ไม่ได้บอกทุกอย่างเกี่ยวกับร่างกายเราเสมอไป
- เพิ่มระยะทางการวิ่งหรือระยะเวลาให้มากขึ้น
สมการง่ายๆ ยิ่งออกกำลังกายมากขึ้นก็ยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น แนะนำให้เพิ่มเวลาวิ่งขึ้นไปอีกนิดสัก 10-15 นาที ซึ่งถ้าตีเป็นระยะทางโดยประมาณก็จะได้ 1-2 กิโลเมตรเชี่ยวนะ ถ้าใครรู้สึกว่ามันวิ่งต่อไม่ไหวแล้วอะ ก็ลองปรับเปลี่ยนมาเป็นการวอร์มอัพและคูลดาวน์สัก 15 นาทีก่อนหลังดู เท่านี้เราก็ขยับร่างกายให้มากขึ้นกว่าเดิม เบริ์นมากกว่าเดิม
- ทำเรื่องวิ่งให้สนุก
นักวิจัยพบว่าการออกกำลังกายหรือวิ่งอย่างมีความสุขและสนุกไปกับมัน นักวิ่งประเภทนี้จะมีแนวโน้มควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่าคนที่ไม่เต็มใจวิ่ง (ฝืนใจออกมาวิ่ง) จากการทดลองให้ขนมช่วง Post-Run พบว่าคนที่สนุกกับการวิ่งจะเลือก Healthy Bar มากกว่า Chocolate Bar สาเหตุคงเป็นเพราะ คนที่มีความสุขกับกว่าวิ่ง รู้ถึงเป้าหมาย มีสติรู้ว่ากำลังทำอะไร ทำไมต้องวิ่ง ทำให้มีกำลังใจที่จะทำเรื่องดีๆ ต่อไปอีก ต่างกับคนที่ฝืนใจมาวิ่ง คิดว่าการวิ่งคือการถูกลงโทษ ทำให้ต้องเลือกแท่งช็อกโกแลต มาเป็นรางวัลปลอบใจ
สำหรับนักวิ่งที่กำลังมองหาความสนุกในการวิ่ง เราแนะนำให้ลองวิ่งไปและฟังเพลงไปด้วยครับ เพลงจะมีจังหวะบีทที่ต่างกันออกไป ทำให้เราเร่งหรือผ่อนตามจังหวะเพลงโดยไม่รู้ตัว ยิ่งบีทเยอะๆ เราจะวิ่งเร็วมากขึ้น โอกาสเผาผลาญพลังงานก็จะมากขึ้นไปด้วย แถมเพลงมีจังหวะขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา ทำให้จังหวะการวิ่งเรามีความหลากหลายไม่น่าเบื่อ
- วิ่งแล้วกินอะไรก็ได้….ผิดนะ
หลังจากวิ่งเสร็จแล้ว น้ำ อาหารเบาๆ มื้อหนึ่งหรือผลไม้นิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว ถ้ามากกว่านั้นคาดว่าเราจะหยุดไม่อยู่ ทั้งนี้ให้พึงระลึกไว้ว่า จำนวนแคลอรี่ที่แสดงให้แอพหลังจากที่เราวิ่งจบแล้ว เป็นตัวเลขที่ประมาณขึ้นมาเท่านั้น ไม่เที่ยงตรง 100% หรอกครับ ออกกำลังกายให้มากและควบคุมเรื่องกินให้มากด้วย
- กินธาตุเหล็กบ้าง (ยกเวท)
เมื่ออายุเยอะขึ้นจำนวนกล้ามเนื้อก็หายไปตามกาลเวลาด้วย การยกเวทจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อและชะลอการหายไป ให้ร่างกายมีกิจกรรมในการเคลื่อนไหว ให้มีการกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมได้ทำงานมากขึ้น ทั้งนี้การเล่นเวทจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้นให้นักวิ่งรับ Workload ได้มาก นั้นคือวิ่งได้ไกลขึ้น เร็วขึ้นและลดโอกาสบาดเจ็บลง
- ลงทุนกับเทคโนโลยี
สมัยนี้มันโลก 4.0 แล้วนักวิ่งก็ต้องวิ่งแบบ smart Runner 4.0 ด้วย นั้นคือ การรู้จักให้เทคโนโลยีอย่าง นาฬิกา GPS อุปกรณ์ Tracker device แอพการวิ่ง แอพการชั่งน้ำหนักและแอพการเล่นเวทด้วย นี้ยังไม่รวมไปถึงการใช้แอพโซเชียลมีเดียต่างๆ นะ เพราะการใช้แอพจดบันทึกการวิ่งจะทำให้เรามีโอกาสจดบันทึกและสะสมข้อมูลให้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ เข้าใจและตีความได้ง่าย เข้าใจถึงพัฒนาการตัวเอง อย่าง การเปลี่ยนแปลงของ Pace ที่วิ่งเร็วขึ้น จำนวนแคลอรี่ที่ใช้ไป ประวัติการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักเรา แถมยังได้แชร์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เพื่อนๆ ข้างได้ออกกำลังกายด้วย
- เข้าสังคม
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม จะให้วิ่งคนเดียวก็คงเหงาแย่ ซึ่งจะทำให้แรงจูงใจในการวิ่งลดลง การเข้ากลุ่มจะช่วยให้ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ การเข้ากลุ่มนอกจากจะได้เพื่อนซ้อมวิ่งแล้ว คุณยังจะได้ทริคและเทคนิคการวิ่ง การควบคุมน้ำหนัก เมนูอาหารการกินแบบ healthy การได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมดีๆ อยู่ในกลุ่มคนรักสุขภาพชอบการออกกำลังกาย ก็จะค่อยๆ ละลายพฤติกรรมให้เรากลายเป็นเหมือนคนในกลุ่มนั้นๆ ไปด้วย
ท้ายสุดนี้ ถ้าอย่างมีหุ่นที่ดีไปปลอดนานๆ นอกจากการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องแล้วแล้ว อาหารการกินและการพักผ่อนก็เป็นเรื่องสำคัญ อย่างที่ฝรั่งเขาบอกว่า “Abs are made in the kitchen” ถ้าแปลตรงตัวก็คือ กล้ามหน้าท้องสร้างจากในครัว นั้นคือ อาหารเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมน้ำหนักร่างกาย ควบคุมอาหารคือการควบคุมจำนวนแคลอรี่และไขมันที่รับเข้าไป
อ้างอิง www.runnersworld.com