เมื่อครั้งลงเเข่งขันไอรอนเเมน 70.3 ที่จังหวัดภูเก็ต โฆษกฝรั่งคนหนึ่งได้กล่าวย่ำว่าหัวใจสำคัญในการข้ามเส้นชัยพิชิตไอรอนเเมน70.3 นอกเหนือจากการฝึกฝนเเละความพร้อมของร่างกายเเล้ว ยังอยู่ที่ “Hydration & Nutritions” นั้นคือการรักษาระดับน้ำในร่างกาย ลดอาการขาดน้ำเเละการเติมสารอาหารเลี้ยงร่างกายระหว่างการเเข่งขัน เเต่หัวข้อวันนี้ที่เน้นย้ำสำหรับเป็นข้อมูลให้นักวิ่งครั้งนี้คือ การสังเกตเเละอาการขาดน้ำ Dehydration เมื่อเกิดขึ้นกับตัวนักวิ่งจะมีลักษณะอย่างไร เรามาดูกัน…
อาการDehydration (ขาดน้ำ)
1. กระหายน้ำและปากแห้ง ลักษณะอาการเริ่มต้นของการขาดน้ำ ลักษณะริมฝีปากแห้ง หากเป็นมาก อาจมีอาการปวดหัวเพิ่มเข้ามาและความรู้สึกไม่สบายตัว เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำไม่ให้รุนแรงขึ้น กรุณาดื่มน้ำหรือน้ำกับเครื่องดื่มผสมอิเล็กโทรไลต์
2. กล้ามเนื้อเมื่อยล้าและเหนื่อยหมดแรง ( Muscle Fatigue) มีความรู้สึกเหนื่อยมาก หมดแรงวิ่ง หากดำเนินต่อไปจะมีอาการชนกำแพงได้ นักวิ่งควรมองหาน้ำหรือน้ำกับเครื่องดื่มผสมอิเล็กโทรไลต์โดยด่วน
3. ไม่สามารถตั้งสมาธิจดจ่อต่อการวิ่งได้ มึนงง โกรธ สภาพอารมณ์ไม่คงที่ อาการนี้อยู่ในสภาพขาดน้ำอย่างรุนแรง ควรมองหาน้ำและเครื่องดื่มผสมอิเล็กโทรไลต์ เพื่อรักษาระดับน้ำในร่างกาย แนะนำเพิ่มเติมว่าควรมองหาจุดปฐมพยาบาลด้วย
4. วิงเวียนศีรษะ ตัวเย็นๆ เหมือนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เกิดขึ้นเพราะความดันเลือดลดลง
5. อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หากมาขึ้นข้อนี้แสดงว่าขาดน้ำอย่างรุนแรง (มาก) หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาระดับความดันเลือดที่ลดลง น้ำและน้ำกับเครื่องดื่มอิเล็กโทรไลต์จำเป็นอย่างมากและควรมีหน่วยแพทย์พยาบาลประกบอย่างใกล้ชิด
6. การฟื้นฟูร่างกายจะช้าลง นอกจากจะส่งผลต่อระดับ Performance ระหว่างแข่งขันให้ต่ำลงแล้ว ช่วงเวลาฟื้นฟูร่างกายหรือ Recovery จะนานกว่าปกติ กล้ามเนื้อเมื่อล้าและเป็นตะคริวได้
สรุปง่ายๆ ลักษณะอาการขาดน้ำที่เห็นได้ชัดเจนที่คือ กระหายน้ำ ปากแห้ง เมื่อเริ่มรุนแรงขึ้นจะมีอาการเวียนหัว มึนงง ง่วง หากปล่อยไปจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นแรง ในบางรายที่มีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง สามารถเกิดตะคริวทั่วร่างกายได้ นักวิ่งจึงควรสังเกตสภาพร่างกายระหว่างวิ่งให้ดี