Fitbit ได้ทำการเปิดตัว Fitness tracker รุ่นใหม่ Fitbit Charge 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับรุ่นนี้มีการปรับปรุงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวบอดี้, หน้าจอ และฟีเจอร์ต่างๆ ที่จัดเต็มมากขึ้น รวมถึงการใส่ลงว่ายน้ำได้ และยังเคลมว่าแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 7 วันอีกด้วย
Fitbit Charge 3 หน้าจอดีขึ้น ดีไซน์พรีเมี่ยม ฟีเจอร์สุขภาพจัดเต็ม
สำหรับ Fitbit Charge รุ่นใหม่นี้ จะมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส OLED ที่จะช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นแต่ก็มอบความสว่างได้มากขึ้น ป้องกันหน้าจอด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ตัวบอดี้เป็นอะลูมิเนียมเกรด Aerospace ดีไซน์ด้านหลังตัวเรือนที่มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจโค้งมนมากขึ้น สามารถถอดเปลี่ยนสายได้
Charge 3 ตรวจจับความเคลื่อนไหวและแคลอรี่ที่เผาผลาญในแต่ละวัน มีการวัดอัตราการเต้นอัตโนมัติตลอดทั้งวันเพื่อนำไปคำนวณแคลอรี่ที่เผาผลาญในแต่ละวันได้แม่นยำมากขึ้น และมีการแจ้งโซน Heart Reate Zone สำหรับการออกกำลังกายมาให้ อาทิ Fat Burn, Cardio หรือ Peak zone เพื่อเตือนว่าตัวเองอยู่ในโซนไหนออกกำลังกายตามเป้าหมายหรือหักโหมไป
มีการตรวจจับการออกกำลังกายแบบอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องกดเลือกโหมดก่อน แค่ออกวิ่ง, ปั่นจักรยาน ก็ทำการตรวจจับให้ และดูผลสถิติต่างๆ ได้ที่ Fitbit App บนสมาร์ทโฟน แต่ยังไม่มี GPS ในตัว หากต้องการดูเส้นทางการออกกำลังกาย จะต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและออกไปออกกำลังกายพร้อมกัน
ตรวจจับการนอนหลับ และ Swinproof กันน้ำลึก 50 เมตร สามารถสวมใส่ลงว่ายน้ำได้ และตัว Charge 3 จะทำการจับการเคลื่อนไหวตอนว่ายน้ำให้อัตโนมัติ แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 7 วัน
นอกจากนี้ยังคงฟีเจอร์สมาร์ทวอชไว้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน, การเชื่อมต่อส่งข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และในรุ่นพิเศษจะมาพร้อม NFC ใช้งาน Fitbit Pay ได้ (ในไทยยังไม่รองรับ)
Charge 3 สามารถติดตามสุขภาพสำหรับผู้หญิง (Female health) ไม่ว่าจะเป็นการติดตามรอบเดือนและอาการต่างๆ ของผู้ใช้งานได้ ทำให้ช่วยดูแลรอบเดือนได้ง่ายขึ้น เห็นภาพรวมข้อมูลสุขภาพและฟิตเนสได้ครบในที่เดียว
Fitbit Charge 3 จะมีราคา $149.95 หรือประมาณ 4,900 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สายสีดำ/ตัวเรือนสีกราไฟต์ และ สายน้ำเงินเทา/ตัวเรือนสี Rose Gold
ส่วนรุ่น Special Edition จะมีราคา $169.95 หรือประมาณ 5,560 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สายผ้าถักสีลาเวนเดอร์/ตัวเรือนสี Rose Gold และสายแบบสปอร์ตสีขาว/ตัวเรือนสีกราไฟต์ มาพร้อมสายสีดำแบบปกติทั้งคู่
และยังมีสายแบบอื่นๆ ให้เลือกซื้อเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งตอนนี้ได้เปิด Pre-order แล้วในสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศไทยน่าจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ หลังจากที่หน้าเว็บไซต์ Fitbit ประเทศไทยขึ้นคำว่า Coming Soon แล้ว