ยอมรับว่าปั่นเสือหมอบมา 2-3 ปีเเล้วก็มีอาการเบื่อๆ บ้าง อยากปรับเปลี่ยนกิจกรรมเเต่ก็ไม่อยากทิ้งกีฬาจักรยาน…นั่งๆ นอนๆ หาข้อมูลกิจกรรมใหม่ๆ ใช้ออกกำลังกาย…มองไปไกลตั้งนาน เดียวๆ นะ จักรยานมันก็มีเสือภูเขานี้หว่า
ถึงเเม้เสือภูเขาจะไม่ค่อยดังมากนัก (เสือหมอบมันเเต่งเเล้วดูเท่กว่านะซิ) เเต่ก็ยังมีพื้นที่ใช้ฝึกเสือภูเขาอยู่เหมือนกัน เข้าออกสะดวกอยู่ใกล้ๆ กรุงเทพด้วย ปัจจุบันผู้เขียนรู้ว่ามีสองเเหล่ง คือ
1. Peppermint bike park สนามเสือหมอบในเมือง ดูเเล้วเหมาะสมกับมือใหม่หัดปั่นเเละกลุ่มครอบครับ รวมไปทั้งคุณผู้หญิง
2. สำหรับคนที่ชอบ Extream ขึ้นมาอีกขั้น ต้องลองไปสนามATV&MTB club11
เเต่ก่อนจะลงภาคสนามเรามาเตรียมความพร้อมกันก่อนดีกว่า…
อย่างเเรกคือ ประเภทของสนามที่ใช้เเข่งขัน หรือ Types of Mountain Bike Terrain เเบ่งเป็น
1. Singletrack เเบบลู่เดียวหรือ สนามทางวิ่งเส้นเดียว เป็นที่นิยมที่สุดในการสร้างสนามเเข่ง ขนดความกว้างก็ใหญ่กว่าไหล่ของเราไม่มากนัก ถ้ากว่าก็ประมาณรถสองคันสวนได้พอดี เเต่สนามเสือภูเขามักจะเป็นเเบบ one-way จะมีความยาว ปั่นตามชนบท ตามภูเขา

2. Doubletrack ลู่คู่ เเบบเส้นคู่ มีลักษณะคล้ายๆ กับเเบบ Singletrack เเค่มีเส้นโผล่มาสองเส้น…จังหวะนี้ให้นึกถึงรอยรถยนต์ในทางชนบทครับ หนึ่งเส้นมีสองรอยขนาดกันไป หรือไม่ก็เป้นถนนกว้างไปเลยครับ
3. Mountain bike terrain parks สนามก่อสร้างขึ้น มีลูกคลื่นลูกระนาด ใช้โดดไปมา ถ้าในไทยก็ให้ดูสนาม Papermint bike park เลยครับ หรือจะเป็นเเบบของ ATV&MTB club11ก็ได้ครับ
มาต่อกันที่ประเภทการปั่นเสือภูเขาที่พบได้ทั่วไป
1. Trail การปั่นวิบาก พบได้มากที่สุด สนามอาจเป็นพื้นที่นอกชานเมือง ในชนบทที่มีเนินเขาเเละทางวิบากผสม มีไต่เขาเเละทิ้งดิ่ง หรือออกทริปในป่าตามอุทยานที่มีทางขี่ ระยะทางจะไกล ไม่มีการกำหนดเเน่นอน
2. Cross-country คล้ายๆ การปั่นวิบาก เเต่มีการเน้นความเร็วและไต่เขา ระยะทาง ประมาณ 25 กิโลเมตรขึ้นไป จักรยานจะเน้นความเบาและประสิทธิภาพความทดทานเขามาเพิ่มขึ้น
3. Enduro/All-mountain ทางวิบาก มีไต่เเละลงเขาแบบโหดๆ มากขึ้น ใช้ความเร็ว จินตนการว่าเป็นการปั่นเเบบวิบากที่นักเเข่งฉีดยาบ้ากันทุกคน ระยะทางก็ประมาณ 25+ Km เป็นเเข่งขันทางวิบากที่นิยมในไทยก็ว่าได้ จักรยานต้องเบาเเละเเข็งเเรงมากขึ้นกว่าเเบบ Cross-country
4. Downhill การปั่นประเภทนี้เน้นทิ้งดิ่งเป็นหลักครับ ไม่เน้นไต่เขา เเต่เน้นการใช้ความเร็วในจังหวะลงเขา มีอุปกรณ์ป้องกันเยอะมาก ทั้งหมวก เสื้อกสร์ด สนับเขาเเข้งเเละข้อศอก จักรยานจะเเข็งเเรงมากที่สุดเพราะต้องรับเเรงกระเเทกมาก
5. Fat Bike จุดเด่นของการปั่นจักรยานเประเภทนี้คือ มีล้อขนาดใหญ่ ปั่นทางวิบากเเบบไม่โลดโผนมากนัก เน้นชมวิวไปกับเพื่อนๆ
เเละในบทความต่อไปจะมาพูดถึง ประเภทจักรยานเสือภูเขาเเละอุปกรณ์ที่ควรมี…ใครสนใจจะลองปั่นเสือภูเขาอย่าลืมติดตามนะครับ