จากบทความที่เเล้ว Mountain Bike Begin : เสือหมอบหลบไป ได้เวลาเสือภูเขาเเล้ว!! …เราพาไปเเนะนำสนามจักรยานเสือหมอบในกรุงเทพเเละสไตล์สนามที่ใช้เเข่งขัน มาคร่าวนี้เรามาดูประเภทจักรยานเสือภูเขากันดีกว่า ว่ามีกี่ประเภทและเเต่ละประเภทเหมาะกับสนามหรือวิธีการปั่นอย่างไร
—————————————————————————————————————————————————–
1. ประเภทจักรยานเสือหมอบที่เเบ่งโดยระบบรองรับเเรงกระเเทก(Suspension Type) หรือการใช้ “โช้คอัพ” เเบ่งประเภท…
- เเบบเเข็ง หรือ rigid เป็นเเบบจักรยานเสือภูเขาเริ่มต้น ราคาถูก เป็น Alloy ทั้งตัว ที่สำคัญไม่มีระบบ โช้คอัพ ติดมาเลย เวลาปั้นจะสะเทือนทั่วร่างเเน่นอนครับ แต่จักรยานเเบบ rigid นี้ก็พัฒนาตัวเองขึ้น จะมีระบบล้อยางมาทดเเทนระบบโช้คอัพเเทน อย่างเช่น จักรยาน fatbike ที่มีล้อขนาดใหญ่ สามารถรับเเรงกระเเทกเเทนโช้คอัพ เเต่การทำความเร็วจะสู้เเบบอื่นได้ยาก
- แบบ Hardtail หรือเเบบมีโช้คอัพด้านหน้าอย่างเดียว จักรยานเสือภูเขาที่มีระบบรองรับเเรงกระเเทกด้านหน้าอย่างอย่างเดียว เเต่ด้านหลังไม่มี ราคาจะสูงกว่าเเบบ rigid เเละเป็นที่นิยมมาก ใช้ลุยได้เกือบทุกสนาม และใช้เดินทางไปมาในทุกๆ วัน ยกเว้นคุณจะลง downhill
- แบบ Full suspension เป็นจักรยานเเบบมีโช้คอัพด้านหน้าเเละด้านหลัง เหมาะสำหรับการออกสนามหนักๆ สามารถรองรับเเรงกระเเทกได้ดี ให้การยึดเกาะเยี่ยม สมดุลดี เเต่ก็เเลกมากับราคาที่สูงขึ้น (มาก) หากไม่ซีเรียสเรื่องการปั่นเสือภูเขาก็เลือกเเบบ hardtail ก็พอครับ
—————————————————————————————————————————————————–
2. การเเบ่งจักรยานเสือหมอบตาม “สไตล์การปั่น” ในปัจจุบันสามารถเเบ่งได้ 4 ประเภท คือ
2.1 CROSS COUNTRY (XC) เรียกเเบบไทยๆ ว่า ครอส-คันทรี เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเสือหมอบก็ว่าได้ ลักษณะองศาจะคล้ายคลึงกัน การควงขาเพื่อเรียกความเร็วจะทำได้ง่ายกว่าตระกูลเสือภูเขาอื่นๆ ได้เปรียบในจังหวะปั่นไต่ขึ้นเขา สร้างมาเพื่อไต่เขาให้ได้เร็วที่สุด เเต่ไม่เหมาะกับการทำความเร็วขณะไต่เขาขาลงเท่าไหรนัก ถ้าชอบทำความเร็วเเละเน้นไต่เขาเร็วๆ ต้อง XC
ลักษณะเด่น อื่นๆ เช่น เฟรมและล้อเน้นน้ำหนักเบา ล้อมี rolling resistance น้อย หมุนเร็ว ทำให้เร่งความเร็วได้ดี, องศาจะโน้มไปข้างหน้าเพื่อทำให้โมเมนตรัมพุ่งไปข้างหน้า ทำให้ปั่นไต่เขาได้ดี, มีทั้งเเบบ Hardtail และ Full suspension เเต่ในตระกูล XC จะนิยมเเบบ hardtail กันครับ, ล้อมีทั้งสามขนาด ตั้งเเต่ 29-26 นิ้ว
2.2 Trail Bike หรือจักรยานเสือภูเขาที่บางครั้งฝรั่งก็เรียกว่า Mountain bike การออกเเบบและการใช้งานเปรียบได้ดั่ง Swiss army knives สามารถไต่เเละลงเขาได้ดี (เมื่อก่อนจะเน้นการลงเขามากกว่า) เเต่ประสิทธิภาพไต่เขายังเป็นรอง XC ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ องศาจะเอนไปหลัง เพื่อรักษาการควบคุมจักรยาน มากกว่าพุ่งไปข้างหน้า และจะมีน้ำหนักมากกว่าด้วย
สามารถเอาไปลุยปั่นขึ้นลงเขาได้ทั้งวัน จุดเด่นอื่นๆ ก็ตรงที่เเฮนด์จะกว้าง ทำให้รักษาสมดุลได้ดี ช่วง bottom racket และ คอช่วงหน้าจะใหญ่กว่า XC ทำให้รับเเรงกระเเทกได้ดี กระโดดโลดโผนได้มากกว่าถ้าชอบไต่เเละทิ้งดิ่ง กระโดดไปมา รักษาสมดุล ประสิทธิภาพการควบคุมและยึดเกาะดีเยี่ยม เราเเนะนำ trail bike ครับ….เรามีคลิปของGlobal Mountain Bike Networkเกี่ยวการเปรียบเทียบ trail และ XC กันครับ
3.ALL MOUNTAIN / ENDURO หรือ เราเรียกว่า เอนดูโรไบค์ออกเเบบมาเพื่อการเเข่งขันก็ว่าได้ เน้นการทำเวลาขณะไต่ลงเขา นอกจากนี้ยังออกเเบบบมาให้เฟรมจักรยานยังมีน้ำหนักเบาเพื่อให้ปั่นไต่เขาได้ดี ลักษณะเด่นอื่นๆ คือจะออกเเบบมาให้เป็น Full suspension ซะส่วนมาก โช้คอัพจะมีขนาดใหญ่ (160-170mm) นิยมใช้ล้อขนาด 27.5”

4. DOWNHILL / FREERIDE คงไม่ต้องพูดมากเวลาเราเรียกจักรยาน downhill มีลักษณะการปั่นอย่างไร เฟรมจักรยานเสือภูเขาที่ออกเเบบมาเพื่อบินลงเขาเลยก็ว่าได้ เน้น Big drop & Jump และการเล่น Airtime เฟรมต้องเเข็งเเรง เพราะรับเเรงกระเเทกมากกว่าสไตล์การปั่นประเภทอื่นๆ

ล้อนิยมขนาด 27.5 นิ้ว โช้คอัพเเบบจัดเต็ม Full suspension มีสมดุลเเบบ Low central gravity คือเฟรมจะดูต่ำๆ เพราะใช้รักษาสมดุลเเละการควบคุม ลักษณะล้อเน้นการยึดเกาะ มากกว่าการเร่งสปีด เเฮนด์ให้รูปลักษณะเหมือนขี่มอเตอร์ครอส