เป็นเรื่องธรรมดาที่สิงห์นักปั่นทางเรียบ อยากจะออกไป off-road ผจญภัยบนทางวิบากบาง และหลายคนก็ติดใจหลงเสน่ห์ เสือภูเขาในที่สุด ก็เหมือนๆกับเหล่านักวิ่งทางเรียบ มาหลงเสน่ห์การวิ่งเทรลทางวิบาก แต่ทุกอย่างต้องมีครั้งแรก สำหรับการปั่นทางวิบากของเหล่าสิงห์ภูเขามือใหม่อาจจะประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น น่ากลัวและท้าทายไปพร้อมกัน ด้วยพื้นผิว terrain ที่เป็นดินหินลูกรัง ทางไม่ราบเรียบ ไม่สามารถควบคุมได้ดังใจ เมื่อใช้เวลาฝึกซ้อมและเริ่มคุ้นชินมากขึ้น ความสนุกก็จะทวีคูณขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เหล่าสิงห์ภูเขามือใหม่พัฒนาความสามารถได้เร็วขึ้น เรามีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นประโยชน์มาฝากกัน
Mountain bike tips: เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มือใหม่ควรรู้
1. ยืดหยุ่นและผ่อนคลาย อย่าเกรงตัวเหมือนคนที่จะพร้อมรับแรงกระแทก ร่างกายที่ตอบสนองได้ดีต้องมีความยืดหยุ่น (Flexible) หน้าที่เราคือปล่อยให้จักรยานเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิวที่ขรุขระให้ไหลลื่นที่สุด ร่างกายนักปั่นจงต้องมีความอ่อนตัว ยกก้นจากเบาะเวลาขับผ่านกิ่งไม้หรือก้อนหินเพื่อลดแรงปะทะและแรงเสียดทาน ยิ่งเป็นทางระดับที่ยากขึ้น เราต้องมีพื้นที่ให้จักรยานเคลื่อนตัวได้มากขึ้น จิตนาการเหมือนเรากำลังขี่กระทิงดุ แขนขาต้องทำหน้าที่เหมือนโช๊คอัพ
2. รักษาโมเมนตรัมให้ดี รักษาความเร็วและทำความเร็วเมื่อเจออุปสรรคข้างหน้า ซึ่งดูแล้วมันอาจจะดูขัดกับสัญชาตญาณการรักษาความปลอดภัยของร่างกายไปสักนิด แต่เราต้องรักษาพลังงานจลน์เพื่อการผลักรถไปข้างหน้า หมุนล้ออุปสรรคไปแถมเป็นการรักษาพลังงานไปในตัวด้วย
3. ถ่ายน้ำหนักให้ดี การถ่ายน้ำหนักไปข้างหน้าหรือถอยไปข้างหลัง จะช่วยรักษาบาลานซ์การทรงตัว และรักษาโมเมนตรัมในการปั่น สร้างแรงส่งหรือจุดกดบันไดที่สามารถส่งแรงมากที่สุด เวลาไต่เขาก็โน้มตัวหรือลีนตัวไปข้างหน้า ขณะเดียวกันเวลาลงจากเขาก็ถ่ายน้ำหนักตัวไปด้านหลังด้วยวิธีการเอนตัว หรือยกตัวถอยไปด้านหลังเบาะ
4. ระวังเบรกให้ดี เพราะเบรกของจักรยานเสือภูเขาทำงานได้หนักแน่นมาก มีพลังในการหยุดล้อสูงมาก ใช้สองนิ้วกดก้เพียงพอแล้ว หากระหว่างที่เรากำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเร็วเกินไป อย่าใช้เบรกหน้าเด็ดขาด เดียวจะตีลังกาล้มลงได้ แต่ให้ใช้เบรกหลังแทน ซึ่งเราอาจจะเกิดอาการเบรคลากล้อหรือ Skid ได้ แต่เราก็ยังคงรักษาบาลานซ์ร่างกายได้ดีกว่าการใช้เบรกหน้า
5. ใช้เกียร์ให้ครบ แม้ว่าเราจะไม่เคลื่อนที่ทำความเร็วได้เหมือนเสือหมอบ แต่หลักการยังเหมือนเดิมนั้นคือ รักษารอบการปั่นให้ดีที่สุด ให้รอบการปั่นมีน้ำหนักเบาแล้วค่อยๆ ปรับเกียร์ขึ้นไป ซึ่งการปั่นเสือภูเขาเราต้องมีการขึ้นลงไต่เขา กระโดดข้ามสิ่งกีดขว้างตลอดเวลา เกียร์รถจะถูกใช้ทุกเกียร์
เทคนิคหนึ่งที่เหมือนๆ กับนักวิ่งเทรลและใช้ได้ดี คือมองไปข้างหน้า มองไลน์การปั่นของเราไปล่วงหน้าว่าจะเข้าออกทางไหน อย่ามั่วแต่มองพื้นผิวตรงหน้าอย่างเดียว จินตนาการเส้นทางที่เราจะไปให้ได้มากที่สุด แล้วปล่อยรถไปตามทางที่เราวาดไว้ในใจ และอย่าลืมเรียนรู้เทคนิคการซ้อมจักรยานเบื้องต้นมาด้วย อย่างการเปลี่ยนล้อยาง การปรับโซ่และเบรค เป็นต้น
อ้างอิง www.bicycling.com