นักปั่นเคาะสนิม (Return to cycling)
หลังจากหยุดการปั่นไปเป็นระยะเวลานาน..และนานมากๆ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุการงานหรือสุขภาพร่างกาย หนึ่งในเรื่องที่ท้าทายตัวเราอีกครั้งคือกาารกลับมาปั่นจักรยานใหม่อีกครั้ง
ณ ตอนนี้ให้ถือว่าเรากลายเป็นนักปั่นมือใหม่สภาพชั่วคราวไว้ก่อน อย่างเพิ่งกระโจนปั่นโลดโผนเหมือนเมื่อก่อนเด็ดขาด เพราะร่างกายไม่พร้อม สภาพความฟิตตกลงไปเยอะ…กล้ามเนื้อ การทำงานของหัวใจเเละปอด หย่อนสมรรถภาพไปพอสมควร จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นใหม่อีกครั้ง ดังนั้นในการกลับมาปั่นจึงควรคำนึงถือ
1.เริ่มจากการบริหารร่างกายทั่วไป อย่างการฝึกกล้ามเนื้อทั้งเเบบ bodyweight trainning การเข้ายิมฝึกยกเวทก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน อย่างการใช้ท่า bench presses, squats, lunges, abdominal crunches ให้ร่างกายได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ใช้ในการปั่น เป็นการสร้างเสริมกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ สามารถป้องกันอาการบาดเจ็บจากการปั่นได้ นอกจากนี้การฝึกวิ่งและว่ายน้ำสัก 20-30 นาที ก็ถือเป็นการออกกำลังกายเเบบแอโรบิกที่ช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดและปอดได้เป็นอย่างดี

2. ตรวจสอบอุปกรณ์ปั่นให้เรียบร้อย เริ่มจากตัวรถจักรยาน อย่างเช่น สำรวจยางใน ยางนอก เบรก การเข้าเกียร์ต้องปรับจูนใหม่และโซ่ต้องใส่น้ำมันหรือไม่ ต่อด้วยเครื่องเเต่งกาย หมวกกันน็อก กางเกง ถุงมือ เเว่นตา ทั้งนี้จักรยานต้องกลับมาสู่สภาพพร้อมออกถนนได้อย่างปลอดภัย เเต่ถ้าใครที่ซื้อเทรนเนอร์ติที่บ้านไว้ ลองเอาจักรยานขึ้นเทรนเนอร์ปั่นฝึกซ้อมไปก่อน…ใครมีเทรนเนอร์แอดมินถือว่าได้เปรียบนะครับ ฝึกปั่นเวลาไหนก้ได้ ทุ่มเทสมาธิให้กับการปั่นได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องรถบนถนนอีกด้วย
วิธีเช็คสภาพรถเขาเรียกว่า The M Check ครับ ไล่จากเเกนล้อหลังขึ้นไปเบาะนั่ง ลงมาที่จานปั่น ไปเเฮนด์จักรยานเเละจบที่เเกนล้อหน้า เป็นรูปตัว M
3. เลือกเส้นทางที่คุ้นเคย ลักษณะพื้นผิวถนน ทางลาดชัน ระยะทาง การจราจรในเส้นทาง จุดพักจุดเเวะเติมพลังงาน ทางที่คุ้นเคยเหล่านี้จะช่วยในเรื่องบริหารเวลาปั่นและรูปเเบบการฝึกได้ดี การเลือกเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยจะเป็นการท้าทายที่มากเกินไปทำ เดียวเวลายาเเตกเเรงหมดต้องเขนรถกลับเอง ไม่รู้จะเรียกใครดี นอกเหนือจากการปั่นเทนเนอร์ในบ้าน เราควรออกภาคสนามอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อเพิ่มไมล์การปั่นและทดสอบร่างกาย การฝึกปั่นเพื่อฟื้นฟูร่างกายใหม่ก็ทำเหมือนกับการฝึกสมัยเมื่อเ็นมือใหม่ เริ่มจากน้อยๆ เเล้วค่อยๆ ไต่ระดับความยากไปเรื่อยๆ…ตัวอย่างฝึกปั่นเช่น “แผนฝึกปั่น 50 กิโลเมตร ภายในเวลา 8 สัปดาห์”