เราเข้าใจนักวิ่งดีว่าถ้าวันไหนวิ่งแล้วไม่ได้เปิดเก็บ Log การวิ่ง วันนั้นถือว่าไม่ได้วิ่ง ข้อมูลการวิ่งไม่ว่าจะเป็น pace ระยะทาง ความเร็ว อัตรา HR ล่วงมีความสำคัญ แต่วิ่งฝึกซ้อมครั้งหน้าเราแนะนำให้ลองปิด GPS วิ่งดูบ้าง หรือถ้าติดจริงๆ ก็ลองถอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง คุณจะค้นพบ feeling การวิ่งที่คาดไม่ถึงก็ได้
ปิดนาฬิกา GPS วิ่งดูกันไหม
เรามีข้อแนะนำว่าควรวางนาฬิกาไว้ที่บ้านวันไหนบ้าง
1. วิ่งวัน Easy day เพราะจุดประสงค์ของการวิ่งช่วงวัน Easy day คือการวิ่งเพื่อ recovery วิ่งช้า จังหวะสบายๆ Pace ควรช้ากว่าเดิม การมีนาฬิกามาตรวจจับการวิ่งของเราจะเป็นการกระตุ้นให้เราวิ่งเร็วกว่าเดิม ไม่ให้ Pace การวิ่งต่ำกว่ามาตรฐาน แต่อย่าลืมเราวิ่งวัน Easy day เพื่อการ recovery ดังนั้นวิ่งช้ายิ่งดี
2. ปิดนาฬิกาในวันวิ่งแข่งขัน การใส่นาฬิกา GPS วิ่งในวันแข่งขัน แน่นอนว่าจะทำให้นักวิ่ง วิ่งได้ตามแผนที่วางไว้ วิ่งตรงตาม Pace ที่วางไว้ แต่ถ้าลองปิดนาฬิกาวิ่งดู เราจะไม่มีพันธนาการมาเป็นตัวชี้วัดเรา เราจะมีอิสระในการวิ่งมากขึ้น เราจะทำความเร็วได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ทั้งนี้อย่าลืมฟังเสียของร่างกายด้วย ถ้าคุณไหว จงใส่ให้เต็มที่
3. ในวันที่ต้องการผ่อนคลาย อย่างเช่นออกวิ่งบนเส้นทางวิ่งสวนใกล้บ้าน ทางเทรลที่คุณรู้จัก ลองตัดขาดจากระบบ GPS สักพัก วิ่งเพื่อผ่อนคลายสมอง ให้อิสระกับจังหวะการวิ่งของคุณเอง จะทำให้สองโล่งกว่าที่คุณคิด
4. กลับจากอาการบาดเจ็บ หลังจากพักจากอาการบาดเจ็บไปนาน การกลับมาวิ่งให้ได้ระดับเดิม จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักพัก การใส่นาฬิกาจะเป็นการบังคับให้เราวิ่งให้ได้เวลาเท่าเดิม เร่ง Performance ทั้งที่ร่างกายยังไม่พร้อม อาจจะทำให้เสียกำลังใจหรือบาดเจ็บซ้ำได้ ลองถอดนาฬิกาไว้ที่บ้านแล้วออกวิ่งตัวเปล่าเพื่อให้ร่างกายได้วิ่งตามสภาพที่เป็นอยู่แล้วค่อยๆ ปรับระดับขึ้นได้
การถอดนาฬิกา GPS ก็จะมีส่วนช่วยให้การวิ่งเราไม่น่าเบื่อได้เช่นกัน อาจจะช่วยให้คุณวิ่งได้ไกลมากขึ้น ช้าและเร็วขึ้นตามเสียงของร่างกาย
อ้างอิง runningmagazine.ca