เป็นที่รู้กันนะครับว่าเวลานอนไม่หลับ หรือนอนไม่พอเเล้วต้องตื่นมาทำงานเราจะอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าซอมบี้ นั้นทำให้รู้ว่าการนอนหลับมีผลต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างยิ่ง
อันนี้คงไม่มีใครเถียงนะครับ และตามการเเนะนำของสาธารณสุข นิตยสารสุขภาพหรือหน่อยงานที่เกี่ยวกข้องกับสุขภาพต่างก็เเนะนำให้เรานอนอย่างน้อย 7.5-9 ชั่วโมงต่อวัน
ข้อดีของการนอนตามคำเเนะนำคือ
1. ลดโอกาสเสี่ยงบนท้องถนน อุบัติเหตุที่เกิดจากยานยนต์ มีสมาธิไม่หลับในก็ว่าเถอะ
2. ลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคอ้วน เพราะการนอนดึกจะทำให้เราหิวมากจริงมั้ยครับ
3. ลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจเเละเบาหวาน
4. ช่วยเพิ่มสมาธิ กระปรี้กระเป้าเเละช่วยให้ความจำดีขึ้น
5. ช่วยเสริมสร้างความคิด จินตนาการและอารมณ์
6. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัดเเละอาการติดเชื้อ
แต่น่าเสียดายที่เราทุกคนไม่อาจทำตามคำเเนะนำนี้ได้ทุกคน เรามาลองดูข้อมูลจาก National Institutes of Health ของอเมริกาหน่อยนะครับ เค้าพบว่าคนที่นอนหับน้อยกว่า 7 ชั่วโมง คิดเป็นประมาณ 50-70 ล้านคนนั้นเป็นโรคที่เรียกว่า Chronic sleep disorder หรือโรคนอนไม่หลับทั้งหลายแหล่
ที่นี้มาดูทางฝั่งนักกีฬามืออาชีพอย่าง Roger Federer และ LeBron James บ้าง พวกเขาหลับเฉลี่ย 12 ชั่วโมงต่อวันเลยละ หรือไม่ว่าจะเป็นคุณ Usain Bolt, Venus Williams, Maria Sharapova และ Steve Nash ก็หลับอย่างน้อย 10ชั่วโมง สำหรับคนที่นอนหลับแค่ 4-5 ชั่วโมงเห็นอย่างนี้คงเกิดแรงกระตุ้นบ้างนะครับจะได้แข็งแรงเหมือนพวกเค้า แต่สำหรับนักกีฬาบางคนเค้าต้องการที่จะหลับให้มากกว่านี้ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุประการฉะนี้เค้าจึงเริ่มใส่อุปกรณ์วัดการหลับ เพื่อจะได้เห็นข้อมูลการนอนหลับแล้วปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะมันมีผลต่อการแข่งขันของพวกเค้า
Sleep tracker ให้อะไรกับเรา
1. Learning Curve
ทำให้เราเกิดการเรียนรู้จากการเฝ้าสังเกตุพฤติกรรมตัวเอง ทำให้เกิดการปรับปรุงสุขลักษณนิสัย ช่วยเพิ่มระยะเวลานอนหลับให้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เราออกกำลังกายมากขึ้น ช่วยให้เราสังเกตุพฤติกรรมการกินด้วยนะ เพราะ Sleep tracker จะมาพร้อมกับตัววัดก้าวเดิน แคลลอรี่และ Heart rate monitor ด้วย เราสามารถเข้าถึงข้อมูลพัฒนาการ จุดอ่อนจุดแข็งของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว อ่านง่ายเข้าใจง่าย ย่อมช่วยกระตุ้นตัวผู้ใช้ให้มีการพัฒนาตัวเองแน่นอน
2. ช่วยทำงานให้เรา 24 ชั่วโมงแม้จะหลับอยู่ก็ตาม
เมื่อก่อนเราต้องจดบันทึกกิจวัตรทุกอย่างลงในโน๊ต แต่ก็ว่าเถอะครับบางครั้งเราก็หลงๆ ลืมๆ บาง การต้องจดว่าเดินกี่นาที ใช้แคลลอรี่เท่าไร นอนนานกี่ชั่วดมงไม่ใช้เรื่องสนุกเลย โชคดีที่เจ้าตัว Sleep tracker จัดการจดบันทึกให้ทุกอย่าง และงานวิจัยได้แสดงว่าถ้าเราสามารถจดบันทึกกิจวัตรของเรา ไม่ว่าการกิน การนอนหลับและการออกกำลังกาย เราจะมีโอกาสสูงที่จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะลดน้ำหนัก นอนให้นานขึ้นหรืออยากจะหุ่นฟิตมากขึ้น
3. เปลี่ยนนิสัย
การตรวจดูกิจวัตรประจำวันของเราทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นการนอน เวลาที่เราเคลื่อนไหวหรือแคลลอรี่ที่เราใช้ไป จะค่อยๆ ซึมเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึก เราจะเริ่มใส่ใจต่อการกินมากขึ้น เพราะเวลาเห็นอาหาร ตัวเลขของแคลลอรี่จะโผล่ขึ้นมาในหัว หรือการงดดื่มพวกกาเฟอีน เพราะมีผลต่อการนอนหลับ การตรวจดูกิจวัตรจากเจ้า Sleep tracker บ่อยๆ เข้าจะทำให้เราค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราให้ไปในทางที่ดีขึ้น
4. เป็นโค้ชส่วนตัว
อย่างที่บอก Sleep tracker นอกจากจะวัดการนอนแล้วยังสามารถตรวจวัดแคลอรี่ จำนวนก้าวเดิน เวลาที่เราเคลื่อนไหว หรือถ้าใช้ร่วมกับแอพบางตัวก็จะบอกพวก Heart rate ได้ ซึ่งโปรแกรมพวกนี้จะคอยเตือนว่าเราออกกำลังกายน้อยไปหรือมากไปนะ เวลานอนน้อยไปนะ เดินน้อยไปนะ กินเกินแคลลอรี่ที่กำหนดหรือป่าว การส่วมใส่ Sleep tracker หรือ Daily tracker จึงเสมือนมีโค้ชติดตัวตลอด 24 ชั่วโมง