นับเป็นการยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีของไทยไปอีกขั้น สำหรับไทยรัน สตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของไทยที่มีความมุ่งมั่นในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Emerging Technology) ทั้งการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent :AI) เข้ามาบริหารจัดการแข่งขันเพื่อพัฒนางานวิ่งของไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานโลก ด้วยการพัฒนา เทคโนโลยี Face X ระบบค้นหาใบหน้า (Face Search) และ ระบบจดจำใบหน้า ( Image Recognition) ภายในเสี้ยววินาทีซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของงานวิ่งของไทยและครั้งแรกของโลก ที่มีการนำ AI/Big Data มาใช้กับงานวิ่งมาราธอน เพื่อให้เป็นงานวิ่งที่ไฮเทคที่สุด
รู้จักเทคโนโลยี Face X เพื่อยกระดับงานวิ่ง

รศ. ดร.บุญญฤทธิ์ อุยยานนวาระ CEO บริษัทไทยดอทรันจำกัด เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจในการพัฒนาเทคโนโลยี Face X เพราะต้องการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านต่างๆให้มากที่สุด โดยเฉพาะ AI ที่สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ในงานวิ่งมาราธอนที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก จึงเริ่มพัฒนาเทคโนโลยี Face X ซึ่งเป็นการนำระบบการจดจำใบหน้า (Face Recognition) และใข้ร่วมกับการจัดทำ Big Data/AI มาใช้กับงานวิ่ง โดยแบ่งเป็น

- Face Search เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ Image processing หรือการประมวลหาภาพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความแม่นยำ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาภายถ่ายของนักวิ่ง โดยระบบ “Face Search” เป็นระบบการค้นหาภาพจากใบหน้า เพียงโหลดภาพใบหน้าของตนลงในระบบ ระบบจะค้นหาภาพจากใบหน้าใกล้เคียงโดยมีความแม่นยำสูงถึง 95% แสดงผลลัพธ์ภาพได้ค่อนข้างครบถ้วน นักวิ่งไม่จำเป็นต้องหาภาพทีละภาพจากแต่ละกล้องอีกต่อไป
- Face IDเป็นเทคโนโลยีระบบการจดจำใบหน้า เพื่อนำมาช่วยในการตรวจสอบยืนยันบุคคลของนักวิ่ง ว่าเป็นคนเดียวกัน ตามกฎของ IAAF โดยรบบ Face IDจะมีการบันทึกประวัติของนักวิ่งที่ระบุไว้ในใบสมัคร รวมถึงสถิติการวิ่งที่ผ่านมา โดยมีการเก็บข้อมูลนักวิ่ง ตั้งแต่การสมัครด้วยใบหน้าและการรับ BIB และ การ Check In ที่ทุกอย่างเป็นดิจิตอลทั้งหมด เพื่อทำให้การจัดงานเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน มีความถูกต้อง ยุติธรรมกับนักวิ่งทุกคน ตามมาตรฐานสากล รวมถึงกรณีที่ผู้วิ่งเกิดอาการบาดเจ็บก็สามารถดึงประวัติทางการแพทย์ การแพ้ยาต่างๆ ของนักวิ่งเพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างถูกต้องและทันท่วงที
“ทั้งนี้การนำ Big Data มาปรับใช้กับการกีฬาและสุขภาพ ถือเป็นเรื่องที่ใหม่ที่มีความท้าทาย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครทำมาก่อน เพราะก่อนหน้ามีการใช้ AI/ Big Data ในการประมวลพฤติกรรมของผู้บริโภคในเชิง Fintech และ Ecommerce เท่านั้น แต่ Face X ใช้เก็บบันทึกข้อมูลเป็นรายบุคคลซึ่งต้องมีความแม่นยำสูงมาก ซึ่งในอนาคตข้อมูลดังกล่าวสามารถต่อยอดเป็นฐานข้อมูลทางด้านสุขภาพของประชาชนและน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานโยบายด้านสาธารณสุขของรัฐ รวมถึงการต่อยอดการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพหรือด้านอื่นๆได้” รศ.ดร.บุญญฤทธิ์ กล่าว
Big Data/AI กับแก้ปัญหา(Pain Point)วงการวิ่ง
รศ.ดร.บุญญฤทธิ์ กล่าวถึงเบื้องหลังการนำ Big Data/AI มาแก้ปัญหาสำคัญของงานวิ่งว่า ที่ผ่านมาการรับสมัครงานวิ่งมีปัญหาต่างๆจำนวนมาก โดยเฉพาะในการรับหมายเลขประจำตัวผู้วิ่ง(BIB) ที่มักมีการปัญหาการนำ BIB ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การซื้อขาย BIB ที่มีส่วนทำให้การจัดการแข่งขันเกิดปัญหา เพราะไม่สามารถระบุตัวนักวิ่งที่แท้จริงได้ ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในการแข่งขัน ดังนั้น เราจึงตัดสินใจในการแก้ปัญหานี้ด้วยการรับสมัครโดย “ใช้ใบหน้า” หรือ Face ID ซึ่งเป็นการจัดทำระบบจดจำใบหน้าด้วยAI ซึ่งง่ายต่อการตรวจสอบ

นอกจากนี้ Face ID ยังต่อยอดมาที่การค้นหารูปภาพ หรือ “Face Search” เพื่อทำให้การค้นหาภาพทำได้รวดเร็วมากขึ้น เพราะงานวิ่งแต่ละงานมีภาพถ่ายจำนวนมาก โดยเฉพาะงานวิ่งใหญ่ๆมักจะมีช่างภาพเป็นร้อยคน ซึ่งการค้นหารูปแบบเดิมๆ ไม่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้น Face Search จึงทำให้การหารูปของนักวิ่งง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันเว็บ Photo.Thai.Runเป็นเหมือน Photo Stocks ของสังคมนักวิ่ง ที่ทั้งช่างภาพและนักวิ่งสามารถพบกันได้
CEO บริษัทไทยดอทรันจำกัด กล่าวต่อว่า เราได้ออกแบบเทคโนโลยีให้อยู่ในรูปของ Platform เพื่อรองรับการเข้ามาใช้งานของคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรับสมัครการวิ่ง และการค้นหารูป ซึ่งระบบจะไม่มีการล่ม เพราะเราได้ออกแบบเทคโนโลยีที่สามารถ “โคลน”ตัวเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภูมิใจเพราะพัฒนาโดยคนรุ่นใหม่ของไทย ที่เรียกว่า “Container Server Based” ซึ่งเป็นเป็น Server ขนาดเล็กที่สามารถโคลนเพื่อรองรับการทำธุรกรรมที่เข้ามาพร้อมๆกันได้ อีกทั้งระบบที่ออกมาจะเป็นดิจิตอลและสามารถสแกนโดย QR Quote ได้ทั้งหมดเพื่อให้การบริหารจัดการตั้งแต่รับสมัครจนถึงการวิ่งเสร็จเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด
“ข้อมูลต่างๆ จะถูกบันทึกไว้ในแบบของBig Data แบบ Real Time ทำให้ผลการแข่งขันมีความเป็นธรรมและมีมาตรฐานสากล เพราะที่การรับสมัครแบบเดิมๆที่ผ่านมาที่ต้องมีการโอนเงินเข้ามา สามารถมีการปลอมแปลงเอกสารกันได้ ดังนั้น ระบบที่ออกแบบมาต้องการที่จะแก้ปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human Errors) ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดและประหยัดเวลาไม่ต้องมานั่งกรอกเอกสารใบสมัครทำข้อมูลใหม่แต่อย่างใด นี่คือการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อช่วยให้มนุษย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Amplify) เพราะ AI มีความสามารถในการจดจำและการประมวลผลต่างๆให้เร็วกว่ามนุษย์มาก” รศ.ดร.บุญญฤทธิ์ กล่าว
“ไทยรัน” ฮับความสุขนักวิ่งกับการสร้างธุรกิจแบบมีส่วนร่วม

นายกมล สิริชัน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไทยดอทรัน จำกัด กล่าวว่า ไทยรัน (ThaiRun) เป็นสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของไทย ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความยั่งยืน ด้วยการแนวทางธุรกิจแบบมีส่วนร่วม( Inclusive Business) โดยเริ่มจากการสร้าง Platform เพื่อเป็นฮับความสุขของนักวิ่ง (Happy Hub for Runners) เพราะงานวิ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและสามารถต่อยอดการพัฒนาทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจทั้งในท้องถิ่นและระดับชาติได้
“บริษัทพยายามออกแบบเทคโนโลยีให้อยู่ในรูปของพื้นที่(Platform) ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเช่น ช่างภาพ สามารถอัพโหลดภาพวิ่งให้กับนักวิ่งได้ไปชมอย่างรวดเร็ว รวมถึงเป็นพื้นที่การขายสินค้าต่างๆเกี่ยวกับการวิ่ง การจัด Virtual Run เพื่อระดมทุนการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเป็น platform ที่มีศักยภาพมาก เพราะปัจจุบัน งานวิ่งไม่ใช่แค่วิ่งเท่านั้นแต่เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพราะทุกครั้งที่มีงานวิ่งในพื้นที่ใดๆ ท้องถิ่นนั้นๆ จะคึกคักและมีเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นมหาศาล เห็นได้จากงานวิ่งมาราธอน “บางแสน 42” และ บางแสน 21 ที่โรงแรมต่างๆ ถูกจองเต็ม ถือเป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ด้วย Sport tourism ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบและขยายไปในพื้นที่อื่นๆได้”นายกมล กล่าว

นายกมล กล่าวว่า ในอนาคตบริษัทมองถึงการขยาย Platforn ทุกอย่างใน Thai.Run ไปสู่ต่างประเทศ เพราะงานวิ่งมาราธอนถือว่ากีฬายอดนิยมของโลก รวมถึงการขยาย Face ID และ Face Search ไปในกิจกรรมอื่นๆที่มีคนจำนวนมาก เช่นงานคอนเสิร์ต งานรับปริญญา หรืองานในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ซึ่งพิจารณาตามบริบทที่เหมาะสมต่อไปว่าจะสามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้แก้ปัญหาที่มีอยู่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้มีความสะดวกสบายอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของไทยรัน
Discussion about this post